วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2561 สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
|
2100 น.
|
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบินอียิปต์แอร์แถว Q15 เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ จะคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการตรวจเช็คสัมภาระและบัตรโดยสารก่อนการเดินทาง
|
วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2561 กรุงเทพฯ - ไคโร – เบรุต
|
0055 น.
|
นำคณะออกเดินทางสู่กรุงเบรุต (Beirut) เมืองหลวงของประเทศเลบานอน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS961
|
0505 น.
|
(เวลาท้องถิ่น) คณะเดินทางถึง สนามบินนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
|
0845 น.
|
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเบรุตเมืองหลวงของประเทศเลบานอน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS709
|
1100 น.
|
(เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน นำคณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พร้อมรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
ออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ สู่ “เมืองไซดอน”(Sidon) เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากเมืองไบบลอส และเมืองไทร์ ระยะทาง 40 กิโลเมตรเมืองไซดอนเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นำคณะชมความสวยงานด้านนอกของปราสาททะเลสร้างโดยนักรบครูเสดในปี ค.ศ.1228ตั้งอยู่ บนเกาะเล็กๆ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ ด้วยการทำสะพานหิน จุดประสงค์เพื่อให้เป็นป้อมปราการป้องกันเมือง บนป้อมแห่งนี้เคยมีหอคอยอยู่ 2 หอ และถูก “พวกมัมลุค” ทำลายเมื่อยึดเมืองไทร์ได้ เพื่อไม่ให้พวกครูเสดกลับมาใช้งานได้อีกหลังจากนั้นนำคณะเดินทางไปยังศูนย์กลางของเมืองหลวงคือกรุงเบรุตเดินทางสู่ภัตตา คาร
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
|
ค่ำ
|
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2561 เบรุต
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่ “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแห่งกรุงเบรุต”(NationalMuseum Of Beirut) ชมศิลปวัตถุโบราณ และประวัติความเป็นมาของประเทศ ที่ได้เก็บรวบรวมไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ ภาพวาดบนฝาผนังที่สวยงาม โบราณวัตถุ รูปลักษณ์ต่าง ๆ ที่ถูกขุดค้นพบในสมัยต่าง ๆ เช่นในสมัยโรมัน สมัยไบเซ็นไทม์ ฯลฯ
จากนั้นนำท่านไปชม “หมู่บ้านวัฒนธรรมเดอร์ เอล คามาร์”(Deir El Qamar Village) อดีตเมืองหลวงของประเทศเลบานอนในช่วง ศตวรรษที่ 16-18 (ชื่อของหมู่บ้านแห่งนี้มีความหมายว่า อารามของพระจันทร์) สถาปัตยกรรมแสดงถึงช่วงระบบศักดินา หลังคาบ้านต่างมุงด้วยกระเบื้องสีแดง ถนนแคบๆ หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลของประเทศเลบานอน ในช่วงศตวรรษที่ 15ที่มีผู้ปกครองเลบานอนนามว่า เอมิร์ ฟาคห์เรดดีน ที่ 2เข้ามามีอำนาจในช่วงปี ค.ศ. 1590หมู่บ้านนี้ประกอบไปด้วยมัสยิด และ พระราชวังประวัติศาสตร์ และอาคารบริหารราชการศตวรรษที่ 17มีโบสถ์เป็นศูนย์รวมการทำกิจกรรมของหมู่บ้าน จึงกลายเป็นศูนย์กลางของประเพณีและวรรณกรรมแห่งเลบานอน และยังเป็นหมู่บ้านแรกในเลบานอนที่จะมีการจัดการในระบบเขตเทศบาลเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1864และเป็นบ้านเกิดของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น นักเขียนและนักการเมืองเป็นต้น
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านชม “พระราชวังไบเทดดีน”(Beiteddine Palace) พระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าชายอาหรับนามว่า “Bashir Shihab II”ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1788-1818 เป็นถิ่นที่อยู่ของเจ้าชายอาหรับจนกระทั่งปี ค.ศ. 1840 หลังจากนั้นอาคารถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่ชาวเติร์กเป็นที่ตั้งของรัฐบาล ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสใช้เป็นสถานที่ในการปกครองท้องถิ่น มีการบูรณะพระราชวังของเก่าหลังจากที่ได้ประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ ต่อมาปี ค.ศ. 1943 หลังจากที่ได้รับอิสรภาพพระราชวังไบเทดดีน ได้กลายเป็นพระราชวังฤดูร้อนของประธานาธิบดี สถาปัตยกรรมของพระราชวังไบเทดดีน จัดได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของงานสถาปัตยกรรมในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ของเลบานอน
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
|
ค่ำ
|
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2561 เบรุต - เมืองเชคก้า - เมืองบิบลอส - เบรุต
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกเดินทางตามทางหลวงที่เลียบชายฝั่งทะเลที่สวยงามผ่าน เมืองเชคก้าระหว่างทางท่านจะได้ชมความงามของภูมิทัศน์ภูเขาที่สวยที่สุดในเลบานอน ชม “หุบเขาคาดิชา”ซึ่งบางครั้งเรียกว่าหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ วาดีคาดิชาเป็นหนึ่งในชุมชนทางศาสนายุคคริสต์ศาสนาตอนต้นที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อารามในคริสต์ศาสนาหลายแห่งมีอายุเก่าแก่มาก ตั้งอยู่บนภูมิทัศน์อันขรุขระของขุนเขาอย่างน่าทึ่ง ผ่านชม “ป่าต้นซีดาร์”ต้นซีดาร์มีคุณค่าสูงยิ่งในยุคโบราณ โดยเป็นวัสดุก่อสร้างศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่หลายแห่งในบริเวณป่าแห่งนี้ต้นซีดาร์บางต้นมีอายุกว่า 1,000 ปี อีกทั้งยังถือเป็นต้นไม้ประจำชาติของเลบานอน และต้นซีดาร์ยังปรากฏเป็นสัญลักษณ์ตรงกลางธงชาติเลบานอนอีกด้วย และได้รับความคุ้มครองยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1998 จากนั้น นำท่านชม “พิพิธภัณฑ์โกบรานคาลิโกบราน”นักกวีชื่อดังของโลกมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองบชาร์ริ ก่อนย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในอเมริกา โกบรานคาลิ สามารถแต่งบทกวีได้ทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ แม้เขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างถิ่นแต่ก็ไม่เคยลืมความรักในชาติพันธุ์ของเขา เขาสิ้นชีวิตลง ณ นครนิวยอร์คและร่างของเขาได้ถูกนำกลับมายังบ้านเกิดเมืองบซาร์ริ ซึ่งภายหลังได้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อแสดงชีวประวัติ ท่านเป็นบุคคลสำคัญของชาวเลบานอน
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ “เมืองบิบลอส”เมืองเก่าซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโลกที่มีผู้อยู่อาศัยติดต่อกันมาประมาณ 7,000 ปี และเป็นท่าเรือแห่งแรกของโลก เชื่อว่าตัวกำแพงเมืองถูกสร้างขึ้นในยุค Bronze Age (2,800 ปีก่อนคริสต์กาล) โดยชาวฟีนีเชียน ซึ่งเป็นพ่อค้ากลุ่มแรกๆของโลกด้วย คามสำคัญดังกล่าวจึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1984จากนั้นนำชมเมืองโบราณริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาทิ ป้อมโบราณสร้างโดยนักรบชาวครูเซด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1108 โดยใช้หินจากโบราณสถานของเยอรมันและอาหรับ ตัวเมืองถูกบูรณะเมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากตัวป้อมเราสามารถชมซากเมืองเก่าอายุหลายพันปี
|
ค่ำ
|
นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
วันจันทร์ ที่ 7 พฤษภาคม 2561 เบรุต – ถ้ำไจต้า – เบรุต
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ “ถ้ำไจต้า”(Jeita Grotto)ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ภายในถ้ำมีการปูทางเดินซีเมนต์เดินชมได้บางส่วนยื่นเข้าไปในเหวลึก ตัวถ้ำขนาดใหญ่ถูกค้นพบใน ค.ศ. 1836 โดยมิชชันนารีชาวอเมริกัน ตัวถ้ำแบ่งเป็น 2 ส่วน ที่มีส่วนเชื่อมถึงกัน แบ่งเป็นถ้ำด้านบนและด้านล่างซึ่งต้องนั่งเรือเข้าชม ตัวถ้ำมีความยาวประมาณ 9 กิโลเมตร ภายในมีน้ำสะอาดซึ่งกลายเป็นแหล่งน้ำดื่มของชาวเลบานอน และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในถ้ำที่สวยที่สุดในโลก
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ “อนุสาวรีย์พระแม่มารี” ที่ทำจากทองสำริดทาสีขาว ตั้งอยู่บนยอดเขาฮาริสสา หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า สุภาพสตรีแห่งเลบานอน สร้างเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยประเทศฝรั่งเศส สูง 8.5 เมตร หนักกว่า 13 ตันชมทัศนียภาพของ “อ่าวจูเนี่ยห์”(Jounieh bay) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีและสวยที่สุดของเลบานอน
|
ค่ำ
|
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
|
วันอังคาร ที่ 8 พฤษภาคม 2561 เบรุต – แอนจาร์ – บาลเบค – คซารา - เบรุต
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางข้ามเขาเลบานอน เพื่อเดินทางสู่ “เมืองแอนจาร์”(Anjar) เมืองขนาดเล็กที่ในอดีตรุ่งเรืองที่สุดในยุคมุสลิม ราชวงศ์อูมเมยาร์ดเข้าปกครองในสมัยของกาหลิบวาลิดที่ 1ในช่วงปี ค.ศ. 705ชมพระราชวังโบราณ โรงอาบน้ำ ร้านค้าต่างๆที่มีมากกว่า 600ร้านค้า ที่แสดงให้เห็นว่าเมืองอันจาร์แห่งนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าในสมัยโบราณ
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่ “เมืองบาลเบค”(Baalbeck) ศาสนสถานของโรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเลบานอน วิหารประกอบด้วย วิหารแรกสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้า Jupiter พระบิดาแห่งเทพเจ้าทั้งปวง เป็นวิหารขนาดใหญ่มหึมาความยาว 274 เมตร มีเสาขนาดความสูง 22 เมตร (สูงที่สุดในโลก) ล้อมรอบ 54 ต้น (ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ต้นเนื่องจากแผ่นดินไหว และถูกนำไปใช้งานที่อื่น เช่น ไปใช้ในโบสถ์เซนต์โซเฟียที่อิสตันบูล 8 ต้น) และวิหารอีกแห่งที่มีขนาดเล็กกว่า (แต่ยังใหญ่กว่าวิหาร Parthenon ที่เอเธนส์) สร้างถวายแก่เทพเจ้า Bacchus (เทพเจ้าแห่งเหล้าไวน์) และ Venusวิหารแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานในแบบคอรินเธียนที่งดงามที่สุดในโลก คาดว่าสร้างในระหว่างปี ค.ศ. 193-217 โดย “จูเลียส ซีซาร์ เซพติมิอุส” และคาราคาลา ความยิ่งใหญ่จะเห็นได้จาก ซากหินแกรนิตที่นำมาจากอียิปต์ เป็นหินตัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความยาว 27.5 เมตร กว้าง 4.2 เมตร ลึก 4.8 เมตร น้ำหนักกว่า 1,000 ตัน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1984
จากนั้นนำท่านชม “ถ้ำธรรมชาติแหล่งผลิตไวน์”ที่คซารา ซึ่งอยู่ในหุบเขาเบคกา ในยุคที่ชาวฟินิเชียนล่องเรือทำการค้ากับลาบานอนก็ได้นำไวน์ของเลบานอนออกขายให้กับชาวอิตาลี และสเปนบริเวณหุบเขาเบคกาเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ จึงทำให้มีการปลูกองุ่นหลากสายพันธุ์ที่เหมาะแก่การทำไวน์ชั้นเลิศ
|
ค่ำ
|
นำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
วันพุธ ที่ 9 พฤษภาคม 2561 เบรุต –ไคโร
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่ย่านใจกลางเมืองเบรุต ซึ่งกำลังบูรณะฟื้นฟูให้งดงามเหมือนเดิมหลังผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมืองเบรุตมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี โดยการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี ปรากฏหลักฐานของชาวฟินิเชีย อารยธรรมเฮลเลนิสติก เปอร์เซีย โรมัน อาหรับ และออตโตมัน (ทั้งยังถูกกล่าวถึงเป็นลายลักษณ์อักษรในจดหมายที่ส่งถึงกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ในสมัยศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาลอีกด้วย) หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองเบรุตได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา จึงได้รับการจัดอันดับจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ว่าเป็นสุดยอดสถานที่ที่ควรไปเยือนในปี 2009 ปัจจุบันเป็นทั้งเมืองหลวง ศูนย์กลางการบริหารวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ของประเทศเลบานอน
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านสู่ “ย่านคอร์นิช”เดินชมสองข้างทางเต็มไปด้วยภัตตาคารและร้านกาแฟ แวะถ่ายภาพกับ หินรูปนกพิราบเป็นหินที่ถูกธรรมชาติกัดกร่อนเป็นโพรงริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเบรุต ชมย่านการค้าบริเวณริมชายฝั่งทะเล สถานที่พักผ่อนเดินเล่นของชาวเมืองเบรุต
|
1700 น.
|
ได้เวลาพอสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติเบรุต-ราฟิค ฮารีรี่ กรุงเบรุต
|
2015 น.
|
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบิน MS712
|
2045 น.
|
เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
|
2245 น.
|
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS960
|
วันพฤหัสบดี ที่ 10 พฤษภาคม 2561 กรุงเทพฯ
|
1230 น.
|
(เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) โดยสวัสดิภาพ
|