โปรแกรมการเดินทางเยือน
มหานครมุมไบ และ สถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถ้ำอชันต้า – เอลโลร่า และ พุทธคยา
6 วัน 5 คืน เดินทางโดยสายการบิน JET AIRWAYS
ชมสุดยอดงานแกะสลักอายุกว่า 2000 ปี
สัมผัสความอลังกาอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีที่ใดเหมือน
ชมอารยธรรมเมืองมรดกโลก แรงบันดาลใจในการรังสรรค์ศิลปะในยุคหลัง
| วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพ – มหานครมุมไบ | |
| 0600 น. | 
					พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 7-8 แถว P เคาน์เตอร์ สายการบิน JET AIRWAYS | 
| 0855 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานมุมไบ หรือชื่อเดิม “บอมเบย์” เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการพาณิชย์ของอินเดียโอบล้อมด้วยทะเลอาระเบียน มุมไบเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นฮอลิวู้ดของอินเดียที่เรียกบอลลีวู้ดมีอุตสหกรรมภาพยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นศูนย์รวมความศรัทธาและความเชื่อรวมถึงวัฒนธรรมอันหลากหลาย หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อย นำท่านเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร | 
| บ่าย | หลังอาหารกลางวันนำท่านชมความสวยงามของเมืองมุมไบ เมืองท่าการค้าและธุรกิจที่สำคัญของอินเดีย เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม ทั้งในช่วงการเข้ามาของชาติโปรตุเกสเพื่อควบคุมการค้าทางน้ำกับต่างชาติของ อินเดีย ก่อนที่จะยกบอมเบย์ให้เป็นบรรณาการแก่กษัตริย์ชาร์ลที่ 2 ของอังกฤษ "ภายใต้การดำเนินธุรกิจการพาณิชย์ของบริษัทอีสต์อินเดีย ทำให้ศูนย์กลางการค้ากระจายไปตามริมฝั่งทะเลอินเดีย โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดคลองสุเอชในปี ค.ศ.1869 ก็ทำให้เมืองนี้กลายเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแถบทะเลอาระเบียน แม้หลังปี ค.ศ.1947 เมื่ออินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษแล้วจนถึงปัจจุบัน บอมเบย์หรือมุมไบในชื่อใหม่ ก็ยังคงเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ของประเทศอินเดีย นำคณะชมตึกรามบ้านช่อง และอาคารสำคัญๆ ขนาดใหญ่ ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยังมีให้เห็นมากมาย โดยเฉพาะอาคาร "สถานีรถไฟวิคตอเรียเทอมินาส" หรือในชื่ออินเดียใหม่ว่า ""ฉัตรปตี ศิวาจีเทอมินาส"" ที่ได้รับการตั้งชื่อตามพระนามพระราชินีวิคตอเรีย ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียโกธิค ผสมผสานกับงานศิลปะแบบอินเดีย อันทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ยังคงตั้งโดดเด่น เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาชมไม่เว้นวัน 
 
					ชม วัดสิทธิวินายัก วัดคู่บ้านคู่เมืองมุมไบเป็นวัดที่ นักแสดง นักการเมือง นักธุรกิจ ผู้มีชื่อเสียงในอินเดียให้ความศรัทธาเป็นอย่างมาก ชาวอินเดียมีความเชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตหากมีโอกาสก็จะต้องเดินทางมาสักการะพระสิทธิวินายักอวตารปางหนึ่งของพระพิฆเนศอธิษฐานขอพรจากท่านดังใจต้องการ อิสระช้อปปิ้งที่ ตลาดคอฟฟอร์ด ตามอัธยาศัย | 
| ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง หลังอาหารนำคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Holiday Inn Mumbai International Hotel | 
| วันที่สองของการเดินทาง มหานครมุมไบ – เมืองออรังกาบัด รัฐมหาราษฎร – หมู่ถ้ำอาฃันต้า | |
| รับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง พร้อมออกเดินทางไปยังสนามบินเมืองมุมไบ | |
| 0515 น. | 
					นำคณะออกเดินทางสู่ เมืองออรังกาบัด โดยสายการบิน JET AIRWAYS เที่ยวบินที่ 9W 313 | 
| 0745 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานเมืองออรังกาบัด อยู่ห่างจากมุมไบ370 กิโลเมตร หลังรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำคณะเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองออรังกาบัต ตัวเมืองออรังกาบัต มีกลิ่นอายของอารยธรรมและอิทธพล มุสลิม ตั้งอยู่ในรัฐมหาราษฏร ออรังกาบัด หมายถึง สร้างโดยมหาราชา ตั้งชื่อตามมหาราชา ออรังเซป เมืองออรังกาบัดเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเพราะบริเวณใกล้กับตัวเมืองมีสถานที่ทาง ประวัติศาสตร์มากมากย อาทิเช่น ถ้าอชันตา เอลโลร่า บีบีกามาชค์มาร่า ฯลฯ นำคณะเดินทางสู่ถ้ำอชันตาอยู่ห่างจากเมืองออรังกาบัด ไปทางทิศเหนือของรัฐมหาราษฏร์ าตั้งอยู่บนเทือกเขาอินทิยาทรี มีลักษณะยาวโค้งเป็นรูปเกือกม้า มีแม่น้ำวาโฆร่า ไหลผ่าน ถ้ำนี้มีกำเนิดก่อนคริสตศักราชราว 200 ปี (พ.ศ.350) เดิมทีเป็นผลงานที่สร้างโดยพระสงฆ์นิกายหินยาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่างแกะสลักชาวฮินดูในวรรณะล่างที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ ต่อมานิกายมหายานจึงเริ่มเข้าไปผสมผสานภายหลัง มีผู้สันนิษฐานว่าพระสงฆ์เลือกถ้ำแห่งนี้เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สงบเงียบ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางส่งสินค้าของชาวอาหรับโบราณมากนัก จนกระทั่งกองทัพมุสลิมเข้ามายึดอินเดีย ถ้ำอชันตาก็หายไปจากความทรงจำของผู้คน ต่อมาใน ปี ค.ศ.1819 นายทหารอังกฤษชื่อ นายจอห์น สมิธ ได้ออกล่าสัตว์ในเขตนั้น และพบถ้ำดังกล่าว เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะไม่นึกไม่ฝันว่าคนสมัยนั้นจะมีความพยายามสูงส่ง ขนาดเจาะหินภูเขาเป็นที่อยู่อันใหญ่โตมโหฬารด้วยมือได้เช่นนี้ถ้ำอชันต้าได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลก และมีความเด่น 3 อย่างคือด้านสถาปัตยกรรมการแกะสลักหินเข้าไปเป็นถ้ำที่สวยงามอย่างละเมียดละไมด้านจิตกรรมมีภาพวาดด้านในที่สวยงามสูงเด่นในคุณค่าไม่แพ้กัน ด้านประติมากรรมมีการแกะสลักพระพุทธรูปที่สวยงามได้สัดส่วนอ่อนช้อยมีทั้งหมด 30 ถ้ำ | 
| เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร | 
| บ่าย | เดินทางกลับสู่ เมืองออรังคาบัด ระหว่างทางแวะชม “ป้อมเดาลาตาบัด” แปลว่า เมืองแห่งความมั่งคั่ง เป็นป้อมในศตวรรษที่ 14 ห่างจากออรังกาบาด 16 กิโลเมตร ป้อมปราการโบราณถูกโอบล้อมด้วยภูเขาดัลคีรี เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคาราวาน ตำนานเล่าว่าเมืองนี้สร้างขึ้นโดยดันการ์ เมื่อ ค.ศ.1203 หลังจากนั้นถูกสุลต่านเดลีชาวมุสลิมอลาอุดดินคิลจิยึดได้ใน ค.ศ.1294 เดวากิรีกลายเป็นเมืองสำคัญในสมัยของสุลต่านมูฮัมมัดดินตุ๊คลัคในปีค.ศ.1327 พระองค์ทรงตั้งเป็นเมืองหลวงและเปลี่ยนชื่อจาก เดวากิรี เป็น เดาลาตาบัด จวบจนถึงสมัยของโมกุล หลังจากนั้นจึงถูกถูกทิ้งร้าง เพราะย้ายไปสร้างเมืองออรังกาบัดแทน | 
| ค่ำ | รับประทานอาหารคํ่า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
					ที่พัก ณ Welcome Rama International Hotel | 
| วันเที่สามของการเดินทาง เมืองออรังกาบัด – ถ้ำเอลลอร่า | |
| เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่ถ้าเอลโลร่า(ถ้ำปิดวันอังคาร) (ระยะทางประมาณ 28.1 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ชม หมู่ถ้าเอลโลร่า ซึ่งประกอบไปด้วยงานศิลป์ของสามศาสนา ที่อยู่รวมกัน ชมความงามที่ยิ่งใหญ่ของถํ้า 34 ถํ้า ถํ้าหมายเลข 1-12 เป็นวัดถํ้าในพุทธศาสนา ถํ้าหมายเลข 14-16 เป็นเทวาลัยถํ้าในศาสนาฮินดู ถํ้า 30-32 เป็นวิหารถํ้าในศาสนาเชน ชมเพชรนํ้าเอกของงานแกะสลัก ภูเขาทั้งลูกที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา ในบรรดาหมู่ถํ้าทั้งหมดเทวาลัยถํ้าเขาไกลาสถือเป็นมงกุฎแห่ง หมู่ถํ้าเอลโลร่าบนระเบียงถํ้ามีการสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพระศิวะ ภาพการต่อสู้กับท้าวราวณะ ชมภาพแกะสลัก อย่างวิจิตรงดงามของเหล่าทวยเทพ เทวดา นางอัปสร พระพุทธรูป จนไม่สามารถหาคำบรรยายความงดงามนี้ ได้ สร้างประมาณศตวรรษที่ 5 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1983 | 
| เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร | 
| บ่าย | ถ้ำอชันตา นั้นพบว่ามีถ้ำมากกว่า ๓๐ ถ้ำ เรียงตัวต่อเนื่องกันยาวหลายร้อยเมตร บนเชิงเขาสูง บริเวณหน้าถ้ำแต่ละแห่งสร้างเป็นบันไดทอดยาวลงไปยังแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลดเลี้ยวไปตามหุบเขาเบื้องล่าง คือ "แม่น้ำวโฆระ" ซึ่งจะมีระดับน้ำขึ้นสูงในช่วงฤดูฝน ถ้ำพุทธฝ่ายเถรวาท ที่ "อชันตา" เจริญรุ่งเรืองอยู่ต่อมาอีกราว ๒๐๐ ปี จนถึง พ.ศ.๕๕๐ ก็หยุดชะงัก ไม่ปรากฏร่องรอยการสร้างวัดถ้ำของพุทธฝ่ายเถรวาทที่นี่อีกต่อไป นานถึง ๔๐๐ ปี จึงกลับมาสร้างต่ออีกครั้งในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐ | 
| ค่ำ | รับประทานอาหารคํ่า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก | 
| วันที่สี่ของการเดินทาง เมืองออรังกาบัด – มหานครมุมไบ – เมืองปัฏนา – คยา | |
| 0400 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองออรังกาบัด | 
| 0650 น. | ออกเดินทางสู่เมืองมุมไบ โดยสายการบิน JET AIRWAYS เที่ยวบินที่ 9W 355 | 
| 0740 น. | เดินทางถึงสนามบิน เมืองมุมไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง | 
| 1115 น. | ออกเดินทางต่อสู่ เมืองปัฏนา โดยสายการบิน Go Air เที่ยวบินที่ G8 - 385 | 
| 1345 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานเมืองปัฏนา ในเมืองปัฏนา ประเทศอินเดียหลังรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำคณะออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองปัตนะ ระยะทาง 98 กิโลเมตร เมื่อเดินทางถึงนำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Bodhagaya Regency Hotel | 
| บ่าย | นำคณะไปชมวัดพุทธนานาชาติที่สวยงาม เช่น วัดธิเบต วัดภูฐาน และ ฯลฯ | 
| ค่ำ | 
					รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม | 
| วันที่ห้าของการเดินทาง พุทธคยา | |
| เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารเช้า นำท่านเดินทางเข้าสู่พุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรมศาสดาแห่งศาสนาพุทธ สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก และ เป็นจุดกำเนิดของศาสนาพุทธเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ เข้าชม นำคณะเข้า เยี่ยมชมสักการะ มหาเจดีย์พุทธคยา ซึ่งมีความสูง 52 เมตร มีองค์ประกอบส่วนยอดเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนกลางเป็นทรงปรางค์คล้ายพีระมิด และส่วนล่างนั้นเป็นวิหารซึ่งสามารถประกอบศาสนกิจได้ และภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธเมตตา ซึ่งเป็นพระพุทธปฏิมากรปางมารวิชัย ที่สวยงามมาก สร้างจากหินแกรนิตสีดำในสมัยราชวงศ์ปาละ มีอายุกว่า 1,500 ปี ให้ท่านได้มีเวลา สักการะบูชา อธิษฐานขอพร พระพุทธเมตตา ด้านหลังของมหาเจดีย์พุทธคยาเป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิ์กับมหาเจดีย์พุทธคยาประดิษฐานพระแท่นวัชรอาสน์ ที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จขึ้นประทับบำเพ็ญเพียรด้วยสมาธิ โดยพระแท่นวัชรอาสน์เป็นแท่นหินสี่เหลี่ยมสลักลวดลาย สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช | 
| เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม | 
| บ่าย | นำท่านเดินทางไปยังบริเวณ บ้านนางสุชาดาซึ่งนางสุชาดานั้นเป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาส ( ข้าวที่หุงกวนด้วยน้ำผึ้งและนม ) ด้วยเข้าใจว่าพระพุทธองค์ที่นั่งสงบอยู่ใต้ต้นไม้คือรุกขเทวดาที่ช่วยให้นางได้ลูกชายสมปรารถนาจึงนำข้าวมธุปายาสใส่ถาดทองไปถวายเพื่อแก้บน หลังจากฉันท์อาหารนั้นแล้ว พระพุทธองค์ได้นำถาดทองคำนี้มาที่ริมแม่น้ำเนรัญชรา แล้วทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า “ถ้าทรงได้ตรัสรู้แก่พระปรมาภิเสกสัมโพธิญาณแล้วขอให้ถาดนี้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป ”แล้วทรงลอยถาดนั้นลงแม่น้ำ ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว ได้แสดงให้เห็นความอัศจรรย์ ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปประมาณ 1 เส้น แล้วถาดทองนั้นก็จมลงในแม่น้ำจึงเรียกแม่น้ำนี้ว่า “แม่น้ำแห่งการตรัสรู้ ” จากนั้นนำคณะเดินทางไปชมความสวยงามของศิลปกรรมและความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาของแต่ละประเทศทั้งสายเถรวาทและสายมหายานของ วัดพุทธนานาชาติไม่ว่าจะเป็น วัดศรีลังกา วัดพม่า วัดทิเบต วัดภูฏาน วัดเกาหลี วัดจีน วัดญี่ปุ่น ซี่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก | 
| ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม | 
| วันที่หกของการเดินทาง เมืองคยา – กรุงเทพ | |
| เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัยตลอดช่วงเช้านี้จน ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองคยา | 
| 1445 น. | ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Thai เที่ยวบินที่ TG 328 | 
| 2115 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ | 






