EXPLORE
 
Scandinavia 12 Days
สต๊อกโฮล์ม – ซิลเรียไลน์ – โรวาเนียมี –
หมู่บ้านซานต้า คลอส เฮลซิงกิ –
ล่องเรือ – ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม อัลต้า 
ฮอนนิ่งสแวค –นอร์ทเคป – ทะเลสาบอินารี –
ล่องเรือชมฟจอร์ดเบอร์เกน –
ออสโล – นั่งรถไฟสายโรแมนติก –
ฟลัม  อุทยานฟรอกเนอร์ –
ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนพร้อมจิบแชมเปญแกล้มคาร์เวียร์
รับใบประกาศนียบัตร – ล่องเรือสำราญ DFDS –
โคเปนเฮเกน
สัมผัสความหรูหราบนเรือถึง 2 ลำ
กำหนดการเดินทาง
5 -1 6 ก.ค.// 1 - 12 ส.ค. 2561
( กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อนการเดินทางอย่างน้อย 8สัปดาห์เพื่อความสะดวกในการยื่นวีซ่าของท่าน)
วันที่1  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 
2200 น.  สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 เคาร์เตอร์สายการบินไทย(เคาเตอร์ A – B) พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง
วันที่2   สต๊อกโฮล์ม – ชมเมือง – พิพิธภัณฑ์เรือวาซา - ศาลาว่าการ(โนเบล) – เรือซิลเรียไลน์
0110 น.  ออกเดินทางสู่กรุงสต๊อกโฮล์ม  โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG950
0700 น.  เดินทางถึงสนามบินนานาชาติกรุงสต๊อกโฮล์ม ประเทศเดนมาร์ค หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว  นำท่านเข้าสู่ “กรุงสต๊อกโฮล์ม” Stockholm(ระยะทาง 40 กม.)เมืองหลวงของประเทศสวีเดน ที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนได้รับการขนานนามว่า “ความงามบน ผิวน้ำ”Beauty on Water หรือ “ราชินีแห่งทะเลบอลติค” นำคณะเดินทางเข้าชม “พิพิธภัณฑ์เรือวาซา” Vasa Museum เรือรบแห่งราชอาณาจักรสวีเดนที่ได้รับ พระราชโองการให้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทำสงครามกับเยอรมนี “เรือรบวาซาร์”ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ดูงดงามและน่าเกรงขามแต่เรือรบลำนี้กลับไม่มีโอกาสที่จะได้ออกไปลอยลำต่อหน้าศัตรูของสวีเดนเลยเพราะหลังจากเรือรบวาซาร์ได้ถูกปล่อยลงน้ำได้เพียง 30 นาที เรือรบวาซาร์ก็ล่มและจมลงสู่ก้นทะเลอย่างรวดเร็ว และถูกทิ้งให้จมอยู่อย่างเดียวดายใต้ทะเลบอลติคนานถึง 333 ปี ก่อนที่จะกู้ขึ้นมา และนำมาตั้งแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จากนั้น นำท่านเข้าชม “ซิตี้ ฮอลล์”City Hall หรือศาลาว่าการเมืองซึ่งใช้เวลาสร้างถึง 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของสวีเดน คือ Ranger Oster สร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8 ล้านก้อน และมุงหลังคาด้วยหินโมเสค สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1911 และทุกปีจะมีพิธีมอบรางวัล “โนเบล”Nobel Prizeที่ ซิตี้ฮอลล์นี้
 
เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย    นำท่านเที่ยวชมเมืองหลวงของประเทศสวีเดน ที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนได้รับการขนานนามว่า “ความงามบน ผิวน้ำ”Beauty on Water หรือ “ราชินีแห่งทะเลบอลติค”เมืองแห่งประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ครั้ง ศตวรรษที่ 13ศิลปะและสถาปัตยกรรมผสมผสานด้วยความสะดวกสบาย และ ทันสมัยของบ้านเมือง, ตึกรามบ้านช่อง รวมทั้งปราสาทราชวังตั้งอยู่ริมน้ำและตามเนินสูงต่ำ เกาะใหญ่น้อย 14เกาะ ที่โอบล้อมด้วยทะเลบอลติก Baltic Sea ทะเลสาบ มาลาเร็น Lake Malarenทำให้สต็อกโฮล์มเป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ผ่านชม โรงละครแห่งชาติ,ทำเนียบรัฐบาล ผ่านชม “แกมล่าสแตน ”เมืองเก่าแก่ที่สุดและสวยงามราวกับภาพวาด นำท่านขึ้นสู่จุดชมวิวพร้อมชมความสวยงามของกรุงสต๊อกโฮล์มจากด้านบนเนินเขาจากนั้นผ่านไปชม “แกมล่าสแตน”เมืองเก่าแก่ที่สุดและสวยงามราวกับภาพวาด นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อเดินทางเปลี่ยนบรรยากาศโดยเรือสำราญขนาดมหึมา“ซิลเลียไลน์”Silja Line ซึ่งเป็นเรือสมุทร ขนาดใหญ่ที่สุดของสแกนดิเนเวีย ล่องผ่านทะเลบอลติก สู่กรุงสต๊อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เพลิดเพลินกับความสนุกสนานมากมายในเรือ อาทิ ภัตตาคาร, ร้านอาหาร, บาร์, ไนต์คลับ, ดิสโก้เธค, ศูนย์สันทนาการสำหรับครอบครัว, ร้านค้าปลอดภาษี และเสี่ยงโชคในคาสิโนมีระดับชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของหมู่เกาะแก่งหิน ท่าเรือ และบ้านไม้สมัยศตวรรษที่ 19 ระหว่างสองเมืองหลวงมหาเสน่ห์แห่งสแกนดิเนเวีย กรุงสต็อกโฮล์ม-กรุงเฮลซิงกิ อิสระกับการพักผ่อนบนเรือ
 
ค่ำ    บริการอาหารมื้อค่ำแบบบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลเมนูพิเศษ สแกนดิเนเวียนซีฟู๊ด Scandinavian Seafoodณ ภัตตาคารภายในเรือ ประทับใจอาหารจากทะเลเหนือและทะเลบอลติก ทดลองชิมไข่ปลาคาร์เวีย และปลาแซลมอนแบบต่างๆพร้อมทั้งชิมไวน์เลิศรส เพลิดเพลินกับความหรูหราที่ไม่ธรรมดาในคืนพิเศษนี้
*** กรุณาเตรียมเสื้อผ้าพร้อมของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็กสำหรับค้างคืนบนเรือ
 
เนื่องจากไม่สามารถนำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นไปบนห้องพักได้ (กระเป๋าต้องโหลดไปใต้ท้องเรือ) ***
 
พักที่ :     บนเรือสำราญซิลเลียไลน์:Silja Line ( Out Side เห็นวิวทะเล พักห้องละสองท่าน)
วันที่3   เฮลซิงกิ – ชมเมือง – โบสถ์หินเทมเปอเลียวคิโอ - ตลาดนัดริมทะเล – ช้อปปิ้ง
เช้า   รับประะทานอาหารเช้า แบบ สแกนดิเนเวีย ณ ห้องอาหารของเรือสำราญ
นำท่านเดินทางถึง นครเฮลซิงกิ นำท่านชมกรุงเฮลซิงกิเมืองหลวงของฟินแลนด์ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบ  ผสมผสานระหว่างสวีดิชและรัสเซีย เจ้าของสมญานาม“ธิดาสาวแห่งทะเล บอลติก” นำท่านเข้าชม“โบสถ์หินเทมเปอเลียวคิโอ”Templiaukkio Church ที่สร้างขึ้นโดย การขุดเจาะในซอกหินแกรนิตขนาดมหึมา หากท่านได้เห็นภาพถ่ายทางอากาศ โบสถ์หินแห่งนี้จะมี  รูปร่างคล้ายจานบินโบสถ์ซึ่งออกแบบโดยสองพี่น้องตัวโมและติโม ในปีค.ศ. 1969 มีการตกแต่งแบบทันสมัยพร้อมระบบเสียงที่ดี นอกจากนั้นยังมี “อนุสาวรีย์ซิเบลิอุซ”Sibelius คีตกวีเอกชาวฟินน์ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดียที่สวนสาธารณะเวลล์
 
เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย    ต่อจากนั้นเยี่ยมชมมหาวิหาร Uspensy ของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ที่งดงามด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมแบบรัสเซีย จากนั้นนำท่านชม“จัตุรัสรัฐสภา” Senate Square ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์และมหาวิหารใหญ่นิกายรูเธอรัน นำชม“ตลาดนัดริมทะเล” Market Square ที่มีชื่อเสียงนอกจากจะเป็นตลาดย่านใจกลางเมืองที่ขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว แหล่งขายปลานานาชนิด อาหารผลไม้ และดอกไม้แล้ว ยังเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญ อาทิ ทำเนียบประธานาธิบดี, ศาลากลางและโบสถ์ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย
 
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ :       SOKOS PRESIDENTTI HOTEL ที่พักระดับใกล้เคียง      
วันที่4  เฮลซิงกิ – โรวาเนียมี – หมู่บ้านซานต้า คลอส – ทะเลสาบอินารี - พิพิธภัณฑ์ชาว แลปป์แลนด์ – อิวาโล่
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
1015 น.  ออกเดินทางสู่กรุงโรวาเนียมิ โดยเที่ยวบินที่ D8120
1135 น.  เดินทางถึงกรุงโรวาเนียมิ  จากนั้นนำท่านท่านเข้าสู่ตัวเมือง
 
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านชม เมืองโรวาเนียมิ (ROVANIEMI)เมืองซึ่งตั้งอยู่บริเวณเส้นอาร์คติกเซอร์เคิล เป็นเมือง ศูนย์กลางธุรกิจ การปกครอง และการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ทางตอนเหนือตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ KEMIJOKI และแม่น้ำ OUNASJOKI ได้ชื่อว่าเป็นเมืองปากประตูสู่แผ่นดินชาว LAPLAND ซึ่งมีโอกาสเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติแสงเหนือมากที่สุด (ช่วงฤดูหนาว) และยังถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ของซานตาคลอส ที่เด็ก ๆ รู้จักกันดีทั่วโลกอยู่ด้วย นำท่านเข้าชม“หมู่บ้านซานตาคลอส” (Santa Claus Village)ซึ่งชาวฟินแลนด์ได้สร้างขึ้นเพื่อระลึก ถึงลุงซานตาคลอสผู้ใจดี ให้ท่านได้ถ่ายรูปคู่กับลุงซานต้า และท่านจะได้มีโอกาสส่งโปสการ์ดให้เพื่อนๆ ของท่านจากตู้ไปรษณีย์ของซานต้า พร้อมถ่ายรูปกับพาหนะของซานตาคลอส สนุกกับกิจกรรมมากมายในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยจุดถ่ายภาพที่น่ารัก จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองอิวาโล
 
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ :      IVALO HOTEL ที่พักระดับใกล้เคียง                              
วันที่5   อิวาโล่ –ฮอนนิ่งสแวค (นอร์ทเคป) – ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน พร้อมจิบแชมเปญ และรับใบประกาศนียบัตร   
เช้า    รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะข้ามพรมแดนสู่ประเทศนอร์เวย์ที่เมืองคาราสจอก “KARAJOK”  เมืองพรมแดนระหว่างประเทศฟินแลนด์กับประเทศนอร์เวย์ ระหว่างทางท่านจะได้ชื่นชม ธรรมชาติป่าอันงดงามตามแบบฉบับของเขตขั้วโลกเหนือ ผ่านชม“ทะเลสาบอินารี” แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่กับเกาะแก่งมากมาย บริเวณแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองชาวซามิ(Sami) มีเวลาให้ท่านเดินเล่นถ่ายภาพริมทะเลสาบพร้อมเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเข้าชม“พิพิธภัณฑ์ ชาวแลปป์”  ชมสภาพจำลองความเป็นอยู่ของชาวแลปป์ คนท้องถิ่นพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเหนือ ในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านท่านจะได้รู้เรื่องราวของคนท้องถิ่น วัฒนธรรม ประเพณี การกินอยู่และความผูกพันของชาวแลปป์ที่มีต่อกวางเรนเดียร์
 
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านออกเดินทางขึ้นเหนือสู่ เมืองฮอนนิ่งสแวก แวะชมเมืองแฮมเมอร์เฟส Hammerfestเมืองที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่มีการค้าขายมาตั้งแต่สมัยโบราณ เสมือนเป็นจุดแวะพักก่อน เดินทางขึ้นสู่ขั้วโลกเหนือของนักเดินทางโบราณ เมืองนี้ยังเคยต้อนรับองค์รัชกาลที่ 5 ในสมัยที่พระองค์เสด็จประพาสยุโรป นำท่านเดินทางต่อระหว่างทางท่านจะได้ชื่นชมธรรมชาติป่าอันงดงามตามแบบฉบับของเขตขั้วโลกเหนือ นำท่านลอดอุโมงค์ใต้ทะเล เข้าสู่เกาะมาเกอโรย่า (Magerøya Island) สู่เมืองฮอนนิ่งสแวคเมืองเอกประจำเกาะซึ่งเป็นดินแดนที่มีชุมชนอยู่เหนือสุดของประเทศนอร์เวย์ นำเข้าที่พักโรงแรม  **พักผ่อนหลังจากเดินทางไกล **
 
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
2130 น.   จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่นอร์ธเคปจุดเหนือสุดของยุโรปที่สามารถเดินทางเข้าถึงด้วยรถยนต์ นำท่านชมศาลาไทย ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเสด็จฯมาทรงกระทำพิธีเปิดเมื่องกลางปี  พ.ศ.2532 เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ. 2450 และทรงลงพระปรมาภิไธยย่อ “จปร” ไว้บนศิลาภายในศาลาเป็นที่เก็บรวบรวมเรื่องราว ในการเสด็จประพาสของพระองค์ฯ นับเป็นพิพิธภัณฑ์ไทยที่อยู่เหนือสุดของโลก จากนั้นนำท่านชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ “พระอาทิตย์เที่ยงคืน” ณ อาคารนอร์ธเคป แผ่นดินที่อยู่เหนือที่สุดที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้ด้วยรถยนต์ริมฝั่งมหาสมุทรอาร์คติคแห่งขั้วโลกเหนือ พร้อมชื่นชมดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสุกสว่างยามราตรี*** พิเศษจิบแชมเปญแกล้มคาเวียร์ฉลองการมาเยือน และท่านจะได้ประกาศนียบัตรรับรองการเดินทางมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในครั้งนี้อีกด้วย*** // จากนั้นเดินทางกลับสู่ที่พัก
*** หมายเหตุ ปรากฎการณ์ พระอาทิตย์เที่ยงคืนเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในบางวันอาจมีเมฆหมอกบดบังทำให้ไม่สามารถเห็นพระอาทิตย์ได้เต็มดวง
 
พักที่ :      SCANDIC NORDKAPP HOTELที่พักระดับใกล้เคียง                                   
วันที่6  ฮอนนิ่งสแวค – อัลต้า – (บินภายใน สู่ กรุงออสโล)
เช้า   บริการอาหารมื้อเช้าแบบกล่อง / นำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่สนามบินเมืองอัลต้า เพื่อบินภายในประเทศ ไปเมืองออสโล
 
*** อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัยเพื่อความสะดวกในการเช็ค-อิน ***
1310 น.  ออกเดินทางสู่เมืองออสโล โดยเที่ยวบินที่ DY321
1515 น.  เดินทางถึงเมืองออสโล เมืองหลวงประเทศนอร์เวย์ จากนั้นนำท่านเข้าสู่ตัวเมือง
นำท่านเดินทางสู่ใจกลางเมืองชม “กรุงออสโล”เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ในอดีต ครั้งสมัยที่นอร์เวย์อยู่ในอารักขาของอาณาจักรเดนมาร์คนั้นนอร์เวย์เคยย้ายเมืองหลวงถึงสองครั้งสองหนจากกรุงทรอนไฮม์เป็นกรุงเบอร์เก้น จนกระทั่งได้ย้ายมาเป็นกรุงออสโลในปัจจุบันที่โอ่อ่าในเวลานี้อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ย้อนหลังถึง 900 ปี ในครั้งนั้นออสโลเป็นเมืองอาณานิคมใหญ่ของจักรวรรดิ์ไวกิ้งโบราณ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของพระเจ้าฮาโรลด์แฟร์แฮร์
 
ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ :      RADISSON BLU ALNA HOTEL  ที่พักระดับใกล้เคียง                                                     
วันที่7  ออสโล – ฟลัม – รถไฟสายโรแมนติก – ฟลัม/สตาลไฮม์/วอส
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านออกเดินทางโดยรถโค้ชสู่แหล่งแนวฟจอร์ดอันงดงาม ชื่นชมกับธรรมชาติของน้ำตกที่ไหลรินจากภูผาอันสูงชันลงสู่เบื้องล่างเป็นภาพที่ติดตาตรึงใจไปอีกนานแสนนาน แวะเมืองเกลโล เมืองสกีรีสอร์ท ที่มีชื่อเสียงของประเทศนอร์เวย์ เพื่อรับประทานอาหาร
 
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำคณะเดินทางสุ่เมืองฟลัม นำท่านนั่งรถไฟสายโรแมนติค FLAMSBANAที่โด่งดังที่สุดตามเส้นทาง ฟลัม-ไมร์ดัล-ฟลัมรถไฟสายโรแมนติคซึ่ง ใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี เป็นเส้นทางสายลาดชันที่สุดจากภูเขาสู่หุบเขา เป็นการแสดงถึงผลงานด้านวิศวกรรมได้อย่างดีเยี่ยม โดยการเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขา มากถึงกว่า 20 แห่ง  นอร์เวย์มีอุโมงค์ที่ขุดเจาะทะลุภูเขาเป็นพันแห่งสำหรับการเดินทางติดต่อเชื่อมโยงกันภายในประเทศ  ทั้งทางรถยนต์ และ ทางรถไฟ ชมธรรมชาติอันบริสุทธิ์และน้ำตกที่สวยงามซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ห่างไกลจากมลภาวะทั้งปวง ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางจะตรึงตาตรึงใจท่านไปอีกนานจากนั้นเดินทางโดยรถโค้ชสู่ ยอดเขาสตาลไฮม์ สตาลไฮม์” หมู่บ้านใน “เมืองวอส” ที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแหล่งที่พักตากอากาศท่ามกลางหุบผาฟจอร์ด ที่สูงตระหง่านบนยอดฟ้าเดินชมบรรยากาศรอบๆ โรงแรมที่ท่านจะประทับใจมิรู้ลืม
 
ค่ำ   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
พักที่ :       Stalheim Hotel / Fretheim Hotel / Fleischer's Hotelที่พักระดับใกล้เคียง
วันที่8  ฟลัม – ล่องเรือชม ฟจอร์ด – เบอร์เกน
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ เพื่อลองเรือชมซอจ์นฟจอร์ดรือจะค่อยๆ แล่นเลียบ เปิดโอกาสให้ท่านชื่นชมทัศนียภาพชวนฝันของฟจอร์ด ที่สวยที่สุดของโลก ท่านจะเห็นภูผาหินสูงตระหง่านที่ธรรมชาติบรรจงสลักไว้ดูวิจิตรพิสดารบนเนินลาดริมฝั่งมีบ้านซัมเมอร์เฮ้าส์ ที่สร้างจากไม้สนเป็นหย่อมๆ ตื่นตาตื่นใจมิรู้ลืม บางครั้งอาจมีนกนางนวลบินตามลำเรือ และแมวน้ำ ว่ายน้ำตามชายฝั่งสร้างความประทับใจให้แก่ทุกท่าน
 
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองเบอร์เกน”( Bergen)  เมืองมรดกโลก ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี นำท่านเดินเที่ยวชมเมืองเบอร์เก้นจากนั้นนำท่านนั่งรถรางขึ้นสู่ยอดเขา   บนความสูง 320 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เพื่อให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองอันเป็นภาพบรรยากาศที่งดงามและประทับใจ ได้เวลาสมควร นำท่านลงเขา เดินเล่นชมเมือง เริ่มจากเขตเมืองเก่าอันเป็นที่ตั้งของ Fish Market ที่เป็นทั้งตลาด ปลาอันเก่าแก่และศูนย์การคมนาคมทางทะเลและท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ เที่ยวชมหมู่บ้านชาวประมงโบราณ Bryggen  สิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารไม้สีสันสวยงามที่มีอายุเกือบ 300 ปี เรียงรายตลอดแนว นับเป็นตัวอย่างการก่อสร้างที่โดดเด่นและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (Unesco)
 
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ :       SCANDIC CITY HOTELที่พักระดับใกล้เคียง
วันที่9  เบอร์เกน – บินภายใน – ออสโล – ล่องเรือสำราญ DFDS
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0950 น.  ออกเดินทางสู่กรุงออสโล โดยเที่ยวบินที่ SK0260
1040 น.  เดินทางถึงกรุงออสโลเมืองหลวงที่น่ารักของประเทศนอร์เวย์
 
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ใจกลางเมืองชม“กรุงออสโล”เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ในอดีต ครั้งสมัยที่นอร์เวย์อยู่ในอารักขาของอาณาจักรเดนมาร์คนั้นนอร์เวย์เคยย้ายเมืองหลวงถึงสองครั้งสองหนจากกรุงทรอนไฮม์เป็นกรุงเบอร์เก้น จนกระทั่งได้ย้ายมาเป็นกรุงออสโลในปัจจุบันที่โอ่อ่าในเวลานี้อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ย้อนหลังถึง 900 ปี ในครั้งนั้นออสโลเป็นเมืองอาณานิคมใหญ่ของจักรวรรดิ์ไวกิ้งโบราณ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของพระเจ้าฮาโรลด์แฟร์แฮร์ ผ่านชมโบสถ์โดมคาทีดราลตึกรัฐสภา,อุทยานแห่งชาติ
 
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมภายใน “อุทยานฟรอกเนอร์” ท่านจะทึ่งผลงานของปฏิมากรเอกชาวนอร์เวย์ชื่อกุสตาฟ วิกเกแลนด์  ที่ใช้เวลาถึง 40 ปี ในการแกะสลักหินแกรนิต และทองแดงให้ยุวชนได้เห็นวัฏจักรในหนึ่งชั่วชีวิตของมนุษย์ ตรงใจกลางของอุทยานเป็นที่ตั้งของรูปแกะสลักชื่อ โมโนลิท (สูง 17 เมตร) แกะสลักจากหินแกรนิตชนิดแข็ง จากนั้น นำคณะลงเรือสำราญขนาดใหญ่ดีเอฟดีเอส DFDS ซึ่งสะดวกสบายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกนานาชนิด เช่น ภัตตาคาร บาร์ ไนต์คลับ และเพลินกับการเลือก ชมสินค้าปลอดภาษี ฯลฯ เรือสำราญลำนี้จะนำท่านล่องสู่ทะเลเหนือจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ออกเดินทางจากโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค สู่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชม “ออสโลฟยอร์ด”  ส่วนหนึ่งของฟยอร์ดนอร์เวย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
 
ค่ำ   บริการอาหารมื้อค่ำ แบบบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลเมนูพิเศษ          สแกนดิเนเวียนซีฟู๊ด Scandinavian Seafood พร้อมเครื่องดื่มท่านละ 1  แก้ว ณ ภัตตาคารภายในเรือ ประทับใจกับอาหารทะเลสดจากมหาสมุทรแอตแลนติก และจากทะเลเหนือ ค่ำคืนนี้หาความสำราญและพักค้างคืนในเรือสำราญ DFDS
*** กรุณาเตรียมเสื้อผ้าพร้อมของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็กสำหรับค้างคืนบนเรือ
 
เนื่องจากไม่สามารถนำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นไปบนห้องพักได้ (กระเป๋าต้องโหลดไปใต้ท้องเรือ) ***
 
 
พักที่ :บนเรือ DFDS TOR LINE พักแบบ Outside Cabin เห็นวิวทะเล พักห้องละสองท่าน
วันที่10  โคเปนเฮเก้น – ชมเมือง – พระราชวังอามาเลียนบอร์ก - ช้อปปิ้ง – มัลโม
เช้า   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัว “เมืองโคเปนเฮเกน”ตั้งอยู่ระหว่างทะเลบอลติคและทะเลเหนือล้อมรอบด้วยพื้นน้ำเกือบทั้งหมดภูมิประเทศประกอบด้วยคาบสมุทรJutland  และเกาะต่างๆอีก 406 เกาะ นำคณะออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศมุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุง “โคเปนเฮเก้น” Copenhagen นำคณะเที่ยวชมเมืองผ่านจตุรัสซิตี้ฮอลล์  อาคารเทศบาลเมืองเก่าเขตย่านใจกลางเมือง พร้อมถ่ายรูปคู่กับ เงือกน้อยลิตเติ้ลเมอร์เมดLittle Mermaid สัญลักษณ์ของเมือง ซึ่งยังคงนั่งเศร้ารอเจ้าชายตามเนื้อเรื่องในเทพนิยายอันลือลั่นของนักเล่านิทานระดับโลก ฮันส์คริสเตียน แอนเดอร์สัน โดยได้รับการสนับสนุนจากบริเวอร์ จาคอบเซ่น เจ้าของมูลนิธิคาร์ล สเบิร์ก ใกล้กันเป็นย่านท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีเรือสินค้า และเรือสำราญจอดเด่นเป็นสง่า เดินผ่านสวนสาธารณะท่านจะพบกับน้ำพุเกฟิออน เทพธิดาผู้เสียสละกับบุตรชายที่ร่วมสร้างเกาะซีแลนด์ขึ้นมาชมจตุรัส “พระราชวังอามาเลียนบอร์ก”(Amalienborg Palace) ที่ประทับในฤดหนาวของราชวงศ์แห่ง เดนมาร์ก ชม “พิธีการเปลี่ยนทหารรักษาพระองค์”ในชุดเครื่องแบบที่งดงาม
 
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร พร้อมชิม กุ้งมังกรรสเลิศ Swedish Lobster ท่านละ 1 ตัว
 
นำท่านผ่านชม “ราวน์ทาวเวอร์”Round Towerอาคารเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง และย่านเขตท่าเรือ Kongens Nytorv ที่มีอาคารบ้านเรือนตั้งแต่ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17 เรียงราย เป็นภาพที่งดงามเหมาะสำหรับการเยือนเมืองนี้ท่านสู่ย่านใจกลางเมืองเพื่ออิสระกับเมืองอันสวยงามหรือเลือกหาซื้อสินค้าตามอัธยาศัย            จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่เมือลมัลโม  “Malmö” (40 ก.ม.) คือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของสวีเดน นำท่านเดินทางข้ามสะพานโอเรซุนด์ The Øresund ซึ่งเชื่อมประเทศสวีเดน-เดนมาร์ก เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของยุโรป ยาวประมาณ 12 กม. เป็นสะพาน 8 กม. และเป็นอุโมงค์ใต้ทะเล 4 กม. เปิดใช้เมื่อปี 2000 เชื่อมต่อเมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์กกับ Malmo สวีเดน สะพานนี้มีความสวยงาม โดดเด่นมาก และใช้ได้ทั้งรถยนต์ และรถไฟ
 
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ : SCANDIC HOTEL MALMOที่พักระดับใกล้เคียง                                                 
วันที่11  มัลโม – สนามบิน – กรุงเทพฯ  
เช้า   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมจัตุรัสกลางเมืองมัลโม ที่มีมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1538 บริเวณตรงกลางจัตุรัสมีรูปปั้นของพระเจ้า Karl Gustav ที่ 10 ซึ่งออกแบบและแกะสลักโดย John Börjeson ด้านซ้ายของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของ Rådhuset หรือ Town Hall ศาลาว่าการเมืองสไตล์ดัตช์เรอเนสซองส์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1353 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารเก่าแก่ที่สุดของเมือง ผ่านชม Turning Torso ตึกระฟ้ารูปทรงโมเดิร์นความสูง 190 เมตร ซึ่งนับเป็นตึกที่สูงที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย รวมทั้งเป็นตึกที่อยู่อาศัยที่สูงที่สุดอันดับ 3 ของ ทวีปยุโรป จากนั้นเดินทางข้ามสะพานโอเรซุนด์ The Øresund ซึ่งเชื่อมประเทศสวีเดน-เดนมาร์ก เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของยุโรป ยาวประมาณ 12 กม. เป็นสะพาน 8 กม. และเป็นอุโมงค์ใต้ทะเล 4 กม. เปิดใช้เมื่อปี 2000 เชื่อมต่อเมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์กกับ Malmo สวีเดน สะพานนี้มีความสวยงาม โดดเด่นมาก และใช้ได้ทั้งรถยนต์ และรถไฟ ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน
1425 น.  ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯโดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG951
วันที่12  กรุงเทพฯ
0600 น.   เดินทางถึงกรุงเทพฯ...โดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ  โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพ ลม ,ฟ้า , อากาศ,การล่าช้าอันเนื่องมาจากสายการบิน และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทางในขณะนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดย เวิลด์ คอนเน็คชั่นส์  ได้มอบหมายให้ หัวหน้าทัวร์ผู้นำทัวร์ มีอำนาจตัดสินใจ ณ ขณะนั้นทั้งนี้การตัดสินใจ  จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของหมู่คณะเป็นสำคัญ
 
อัตราค่าบริการ
วันเดินทาง
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียงเสริม)
พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม
14 -25 มิ.ย. 61
142,900 บาท
142,900 บาท
29,900 บาท
ก.ค. - ส.ค. 61
149,900 บาท
149,900 บาท
29,900 บาท
ต้องการเดินทางโดยชั้นธุรกิจ Business Classกรุณาสอบถามราคาเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่บริษัท
 
 
อัตราค่าบริการนี้รวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ – สค๊อกโฮล์ม // โคเปนเฮเก้น  – กรุงเทพฯ(หรือสลับก่อนหลัง)
  • ค่ารถปรับอากาศนำเที่ยวตามระบุไว้ในรายการ พร้อมคนขับรถที่ชำนาญเส้นทาง กฎหมายในยุโรปไม่อนุญาตให้คนขับรถเกิน 12ช.ม./วัน
  • โรงแรมที่พักตามระบุหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน โรงแรมส่วนใหญ่ในยุโรปจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำและราคาโรงแรมจะปรับขึ้น 3-4 เท่าตัว หากวันเข้าพักตรงกับงานเทศกาลเทรดแฟร์หรือการประชุมต่างๆ อันเป็นผลที่ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนย้ายเมือง โดยคำนึงถึงความเหมาะสมเป็นหลัก
  • ค่าธรรมเนียมในการยื่นวีซ่ายุโรปหรือกลุ่มเชงเก้นวีซ่า และค่าธรรมเนียมวีซ่า ทางสถานทูตไม่คืนให้ท่านไม่ว่าท่านจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ก็ตาม
  • ค่าอาหารที่ระบุในรายการ ให้ท่านได้เลิศรสกับอาหารท้องถิ่นในแต่ละประเทศ
  • ค่าบริการนำทัวร์โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์นำเที่ยวให้ความรู้  และคอยดูแลอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
  • ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท
  • ค่าทิปพนักงานขับรถและไกด์ท้องถิ่นในยุโรป
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 %
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าโทรศัพท์ , ค่าซักรีด , ค่าเครื่องดื่มและอาหารนอกเหนือจากที่ระบุในรายการ
  • ค่าผกผันของภาษีน้ำมันที่ทางสายการบินแจ้งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก (ทางบริษัทฯไม่ได้จัดให้แก่ท่านเนื่องจากป้องกันการสูญหายจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาในโรงแรมที่พัก และเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้าห้องพักสำหรับทุกท่าน)
 
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ ตามวัฒนธรรมการบริการแบบสากลโลก ท่านละ 100 บาทต่อวัน
 
 

กรุงอิสตันบูล – เมืองคัปปาโดเกีย–เมืองคอนย่า –กรุงทรอย
**พักโรงแรม 5 ดาว และ โรงแรมถ้ำ 1 คืน**
**บินตรง และ บินภายใน 1 ขา**
ประเทศตรุกี...นำท่านเที่ยวชม 3 มหาอาณาจักรอันยิ่งใหญ่
บนแผ่นดินของ 2 ทวีปเอเชียและยุโรป
ชมมหัศจรรย์มรดกจารึกโลกทั้ง 4 แห่ง
ประเทศที่มีผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่ยุคหินเก่ามีอารยธรรมอานาโตเลีย
โบราณต่างๆเอโดเลีย โดเรียน และ กรีกไอโอเนีย เทรซ อาร์มีเนีย และ เปอร์เซีย
 
กำหนดการเดินทาง 
25 พ.ค. - 1 มิ.ย. 61 (วันวิสาขบูชา)
8 - 15 มิ.ย. 61
ราคาพิเศษเพียง 39,900 บาท!!!!
วันแรก  กรุงเทพฯ – กรุงอิสตันบูล 

2000น.    พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น4ประตูหมายเลข 9เคาน์เตอร์ Uสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์(TK) พบเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารและสัมภาระ

2300 น.   ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK6(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง)

วันที่สอง กรุงอิสตันบูล (บินภายใน)– เมืองคัปปาโดเกีย – เมืองเกอเรม-พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม–นครใต้ดิน – โรงงานพรม-โรงงานเพชร - หุบเขานกพิราบ–หมู่บ้านโบราณอุชิซาร์ 

0550 น.   เดินทางถึงสนามบิน กรุงอิสตันบูล Istanbul (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง)หลังจากนั้นนำท่านแวะเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อ สู่เมืองเคย์เซอรี่

0640 น.   ออกเดินทางสู่ เมืองเคย์เซอรี่ โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK2010

0805 น.   เดินทางถึงสนามบิน เมืองเคย์เซอรี่หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองแล้วนำท่านเดินทางสู่เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ชื่นชมดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน และหิมะได้เป็นกัดเซาะแผ่นดิน มาเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหินและเสารูปทรงต่างๆ เกิดเป็นภูมิประเทศที่งดงาม แปลกตาและน่าอัศจรรย์ ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี

นำท่านออกเดินทาง สู่เมืองเกอเรเม (Goreme) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้

นำท่านเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์

นำท่านชม นครใต้ดิน Underground City i เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูนครใต้ดินไคมัคลีมีชั้นล่างที่ลึกที่สุดลึกถึง 85 เมตร เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์

กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(1)

จากนั้นนำท่านเข้าชมโรงงานพรม (Carpet Factory) ตุรกีถือว่ามีชื่อเสียงเรื่องพรม พรมส่วนใหญ่ที่ผลิตในตุรกีนั่นมีชื่อเสียงเลื่องลือระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นพรมที่ทอจากขนสัตว์ หรือพรมที่ทอจากฝ้าย และพรมที่ทอจากไหม แล้วนำท่านชมโรงงานเพชร ที่มีชื่อเสียงของประเทศตุรกี อาทิเช่น เทอควอย อาร์เทมิส เพชร และพลอย ที่ถูกออกแบบมาอย่างปราณีตและยังมีความโดดเด่นให้ท่านได้เลือกชมและช๊อปปิ้งตามอัธยาศัย

นำท่านแวะถ่ายรูปหุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) จุดชมวิว ณ หุบเขานกพิราบ Pigeon Valley  หน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่อย่างมากมาย ณ จุดนี้ ท่านจะสามารถมองเห็น ปราสาทอุชิซาร์(Uchisar Castle) ได้ในระยะไกล ที่นี่จะมีนกพิราบมากมาย ที่ชาวบ้านเลี้ยงนกพิราบ เพื่อนำอึ มาทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ และนำท่านแวะถ่ายรูปหมู่บ้านโบราณอุชิซาร์(Uchisar Town) เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มีภูเขาหินขนาดมหึมาอยู่บนเขากลางเมือง ถูกขุดสกัดเป็นปราสาทขนาดใหญ่ มีช่องหน้าต่างมากมายจนดูคล้ายรวงผึ้ง วิวจากด้านบนสามารถมองลงไปเห็นหุบเขาเบื้องล่างได้รอบทิศ ที่นี่สามารถสัมผัสถึงวิถีชีวิตของผู้คนจริงที่อยู่อาศัยในบ้านที่ขุดเข้าไปในภูเขาที่ดูเหมือนจอมปลวก จนเรียกได้ว่าเป็นบ้านจอมปลวก ในสภาพแวดล้อมเดิมมายาวนานหลายร้อยปี

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก UCHISA KAYA CAVE HOTELหรือเทียบเท่า

หมายเหตุ       ในกรณีโรงแรมถ้ำเต็ม จะเปลี่ยนเป็นนอนโรงแรมระดับ 5 ดาว แทน

ค่ำ      รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม(2)

วันที่สาม    เมืองคัปปาโดเกีย – เมืองคอนย่า– คาราวาสไลน์ – พิพิธภัณฑ์ - เมฟลานา

เช้า      รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม(3)

 **สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเกีย จะต้องออกจากโรงแรม 04.30 น.ชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง  โดยต้องมีอายุมากกว่า 6ปีขึ้นไป   (ค่าขึ้นบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ราคาประมาณ USD220 ต่อ 1 ท่าน)

** หากท่านสนใจ สามารถสอบถามราคาได้จากหัวหน้าทัวร์ก่อนชำระเงิน***

[บริษัทตัวแทนผู้ให้บริการทัวร์บอลลูนในตุรกีมีประกันภัยให้กับทุกท่าน  แต่สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทยนั้น ไม่ครอบคลุมการทำกิจกรรมขึ้นบอลลูนและเครื่องร่อนทุกประเภท]

นำท่านออกเดินทางสู่  เมืองคอนย่า (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูคในช่วงปี ค.ศ. 1071-1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย ระหว่างทางให้ท่านได้ชมทัศนียภาพสองข้างทางสบายๆที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางของประเทศตุรกี ***ระหว่างทางแวะถ่ายรูป ***”คาราวานสไลน์” ที่พักกองคาราวานในอดีตของสุลต่านฮานี (Sultan Han Caravanserai) ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสุลต่านฮานี สร้างโดยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท ราวศตวรรษที่ 13 ประตูทำด้วยหินอ่อนสกัดลวดลายโบราณ ตรงกลางเป็นสุเหร่า ส่วนบริเวณอื่นจัดเป็นครัว ห้องน้ำ และห้องนอน 

กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(4)

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana Museum)หรือสำนักลมวน เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1231 โดยเมฟลานา เจลาเลคดิน รูบี ซึ่งเชื่อกันว่า ชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม โดยมีพื้นฐานอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล (Pamukkale) เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซียมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อท้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ปามุกคาเล่แห่งเมืองเฮียราโพลิส ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 สำคัญอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ปามุคคาเล่ โรงอาบน้ำโรมัน โบสถ์สมัยไบแซนไทน์  

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก HOTEL ANEMON KONYA 5* หรือเทียบเท่า

ค่ำ         รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม(5)

วันที่สี่    เมืองคอนย่า– เมืองโบราณเฮียราโพลิส – เมืองคูซาดาสี-โรงงานเครื่องหนัง

ช้า       รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม(6)

นำท่านเดินทางสู่เมืองปามุคคาเล (Pamukkale) หรือปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ในภาษาตุรกี เกิดจากน้ำแร่ร้อนที่มีแร่ธาตุแคลเซี่ยม คาร์บอเนต มาตกตะกอน เกิดเป็นลักษณะหน้าผา ซ้อนกันเป็นชั้นน้ำตก มีสีขาวคล้ายกับสร้างมาจากปุยฝ้าย ซึ่งน้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ย้อยเป็นรูปร่างต่างๆอย่างสวยงามและน่าอัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิตั้งแต่ประมาณ 35 – 100 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองเฮียราโพลิสล้อมรอบนำท่านชมเมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis)ในอดีตเป็นสถานที่บำบัดโรค ก่อตั้งโดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 1 แห่งแพร์กามุม ในปี 190 ก่อนคริสต์กาล สถานที่แห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้งหลังปี ค.ศ 1334 จึงไม่มีคนอาศัยอยู่อีก ศูนย์กลางของเฮียราโพลิสเป็นบ่อน้ำที่ศักสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในโรงแรมปามุคคาเล สถานที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ปามุคคาเล โรงอาบน้ำโรมัน โบสถ์สมัยไบแซนไทน์

กลางวัน      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(7)

บ่าย       ได้เวลาอันสมควร นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาสี (Kusadasi) เมืองริมทะเล ที่พักต่างอากาศที่ขึ้นชื่อของประเทศตุรกีที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศ ในช่วงฤดูร้อนชาวตุรกีมักจะมาล่องเรือชมทะเลสีฟ้าสวย และนอนอาบแดดริมชายหาดที่นี่นำท่านสู่โรงงานเครื่องหนัง คุณภาพเยี่ยมของประเทศตุรกี ที่สินค้าแบรนด์เนมดังๆ จากทั่วโลก มักจะส่งมาให้โรงงานในตุรกีผลิต อาทิเช่น Versace, Micheal Kors และแบรนด์ดังอื่นๆ อีกมากมาย

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก KUSADASI LE BLEU HOTEL 5*หรือเทียบเท่า

ค่ำ      รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม(8)

วันที่ห้า   เมืองคูซาดาสี – เมืองโบราณเอเฟซุส  - กรุงทรอย  - เมืองชานัคคาเล

เช้า     รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม(9)

นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองโบราณเอเฟซุส (City of Ephesus) ที่ยิ่งใหญ่และงดงามจนกระทั่งจารึกว่า “มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย” เมืองโบราณที่สมบูรณ์และมั่งคั่งที่สุด ถนนทุกสายปูด้วยหินอ่อน ชมห้องสมุดเซลซุส (The Library of Celsus) ห้องสมุดแห่งนี้มีทางเข้า 3 ทาง โดยบริเวณประตูทางเข้ามีรูปแกะสลักเทพี 4 องค์ประดับอยู่ ได้แก่ เทพีแห่งปัญญา เทพีแห่งคุณธรรม เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด และเทพีแห่งความรู้ รูปแกะสลักเทพีทั้ง 4 องค์นี้เป็นของจำลอง ส่วนของจริงนักโบราณคดีชาวออสเตรียได้นำกลับไปออสเตรียและตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเวียนนา แวะชมโรงละครเอเฟซุส ซึ่งจุคนได้ประมาณ 30,000 คน เป็นโรงละครกลางแจ้งที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโรงละครโบราณในตุรกี มีลานแสดงตรงกลางแวดล้อมด้วยที่นั่งชมไล่ระดับขึ้นไป ปัจจุบันยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่และมีการจัดการแสดงแสงสีเสียงบ้างเป็นครั้งคราว ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (Roman Bath) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชมโบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (Basilic of St. John) สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(10)

นำท่านเดินทางสู่เมืองทรอย (Troy) ปัจจุบันกรุงทรอยตั้งอยู่ในเมืองชานัคคาเล่ (Canakale) ประเทศสาธารณรัฐตุรกี ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง บริเวณกรุงทรอย มีการจัดแสดงแบบจำลองกรุงทรอย และเรื่องราวการค้นพบโดยนักโบราณคดี พร้อมทั้งภาพแผนผังเมืองทรอยที่ถูกสร้างซ้อนทับกันถึง 9 ชั้น มีซากเมืองเก่า กำแพง ประตู และม้าไม้จำลองแห่งทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณโดยเป็นสาเหตุทำให้กรุงทรอยแตก ชมม้าไม้จำลองแห่งทรอย (Trojan Horse) จากนั้นนำนำท่านเดินทางไปยัง เมืองชานัคคาเล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าตลอดจนชุมทางการเดินรถ และขนถ่ายสินค้าจากเอเชียสู่ยุโรป นับตั้งแต่สุลต่านอาห์เม็ดที่ 2 ได้สร้างป้อมปราการขึ้นที่นี่เมื่อปี 1452 เมืองชานัคคาเล่ในอดีตเป็นที่ตั้งของสมรภูมิรบกัลลิโปลี สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการรุกคืบหน้า เข้าไปยังช่องแคบคาร์ดาแนลส์ เพื่อบีบให้ตุรกีถอนตัวออกจากสงครามโลก    

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CANAKKALE KOLIN HOTEL 5*หรือเทียบเท่า

ค่ำ      รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม(11)

วันที่หก  เมืองชานัคคาเล – เมืองอิสตันบูล - พระราชวังโดลมาบาเช่  - ตลาดแกรนด์บาซ่าร์ ตุรกี - สไปซ์ มาร์เก็ต

เช้า     รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม(12)

นำท่านเดินทางสู่เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เมื่องสำคัญอันดับ 1 ของประเทศ เมืองมนต์เสน่ห์แห่งอายรธรรมอันเก่าแก่ซึ่งเหมือนนี้เปรียบเสมือน พรมแดนของทวีปยุโรปอันสวยงาม และอดีตยังเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันตะวันออกที่เคยรุ่งเรืองกว่า 1,000 ปี ซึ่งเรารู้จักในนาม “กรุงคอนสแตนติโนเปิล”เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกีตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) ซึ่งในอดีต อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป   

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(13)

บ่าย     นำท่านเดินทางสู่“พระราชวังโดลมาบาเช่” (DOLMABACHE)พระราชวังที่สวยงามตามสไตล์ตะวันตก มีการกล่าวว่า ในช่วงสุดท้ายของอาณาจักร ออตโตมัน มีการปรับตัวให้ทันสมัยมากขึ้น จึงมีการก่อสร้างพระราชวัง สไตล์ตะวันตก คล้ายๆพระราชวังแวร์ซายย์ในฝรั่งเศส และมีการประดับประดาอย่างชนิดหรูหรามากมาย โดยเฉพาะมีแชนเดอเลียและพรมทอมือผืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก แขวนอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ และ ประกอบกับพระราชวังแห่งนี้ อยู่ริมช่องแคบ บอสฟอรัส จึงมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น และ มีการเพิ่มเติมในการจัดสวนแบบสไตล์ตะวันตก จึงถือว่าเป็นพระราชวังอีกแห่งในทวีปยุโรป ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างถึง 12 ปีผสมผสานศิลปะแบบพระราชวังยุโรปกับแบบอาหรับสวยงามอย่างสวยงาม ชมโคมไฟระย้าขนาดใหญ่น้ำหนักถึง 4.5 ตัน เครื่องแก้วเจียระไน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ตลาดแกรนด์บาซ่าร์ ตุรกี ตลาดเก่าแก่อายุกว่า พันปีเป็นตลาดช้อปปิ้งที่ใหญ่และโด่งดังที่สุดในตุรกีเป็นตลาดสไตล์เตอร์กิชแท้ ๆ ภายในตลาดตกแต่งไว้อย่างสวยงามและเป็นตลาดเก่าแก่เปิดมานานกว่า 1,500 ปี ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1453 มีเนื้อที่ทั้งหมดเกือบ ๆ 200 ไร่ มีร้านค้าขายของต่าง ๆ มากถึง 5,000 ร้านค้า มีสินค้าให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นของกินเล่นขนมของตุรกีที่หาซื้อจากที่ไหนไม่ได้ ของที่ระลึกที่แนะนำก็จะเป็น ลูกปัดตาปีศาจ เครื่องลาง  ชา ผลไม้อบแห้ง  ถั่วหลากชนิดเช่น ถั่วแมคคาดาเมีย พิตาชิโอ หรือจะเป็นขนมหวาน เตอร์กิชดีไลต์  เครื่องเทศ  เซรามิก จาน ชาม แจกัน เครื่องดนตรีพื้นเมือง โคมไฟ เครื่องดูดบารากู่ พวงกุญแจหรือกระเบื้องเพนท์ติดผนัง  และของที่ระลึกอื่น ๆ อิสระเพลิดเพลิน กับ การเลือกซื้อสินค้า ของฝากที่ระลึกมากมาย หรือ อาหารท้องถิ่นที่มีให้เลือกมากมายตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สไปซ์ มาร์เก็ต เป็นตลาดพื้นเมืองของชาวเมืองอิสตันบูล ที่มีเครื่องเทศอันลือชื่อและ นอกจากนั้น ยังมีอาหารขึ้นชื่อ และ ของฝากมากมาย เช่น ถั่วสารพัดชนิด, น้ำผึ้ง,ไข่ปลาคาร์เวียร์ , ขนม อร่อยๆ แบบ เตอร์กิชดีไลท์ เป็นต้น นอกจากช็อปปิ้งสนุก ขนมอร่อยแล้ว การได้มาถ่ายรูปที่ตลาดแห่งนี้ถือว่าได้บรรยากาศที่สนุกสนานมาก เพื่อหาเลือกซื้อสินค้าคุณภาพราคาถูกมากมายโดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปต่างๆ มากมายทีนักท่องเที่ยวนิยมไปเยือน มีเวลาให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง อาทิ เตอร์กิส ดีไลท์ เป็นต้น

ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร(14)

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก RAMADA PLAZA TEKSTILKENT HOTEL 5* หรือเทียบเท่า 
วันที่เจ็ด  เมืองอิสตันบูล – ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส - พระราชวังทอปกาปี - ฮิปโปโดม – มัสยิดสีน้ำเงิน – วิหารเซนต์โซเฟีย– สนามบิน

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม(15)

นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อนำท่านล่องเรือชมความงดงามสุดเกินจะบรรยายของช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise Tour)ที่เชื่อมทะเลดำและทะเลมาร์มาราเข้าด้วยกัน และที่สำคัญช่องแคบแห่งนี้ เป็นช่องแคบพรมแดนกั้นระหว่าง ทวีปเอเชีย และ ทวีปยุโรป ซึ่งทั้ง 2 ฝั่งท่านจะได้ชมทัศนียภาพอันงดงาม สองฝรั่งทวีป คือ ยุโรป และ เอเชีย อันสวยงามยิ่ง และ มีพระราชวังสำคัญๆ อยู่ริมแม่น้ำมากมาย รวมถึงสถาปัตยกรรมในยุคโรมัน ที่รายล้อมริมสองฝั่งแคบ ซึ่งทุกท่านถือเป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตที่ได้มีโอกาสมาล่องเรือในช่องแคบที่แบ่งเส้นพรมแดนทวีปในครั้งนี้

นำท่านเดินทางสู่ “พระราชวังทอปกาปี” (TOPKAPI PALACE) ที่มีชื่อเสียงก้องโลก ซึ่งถือว่าเป็น พระราชวังสำคัญในสมัย ออตโตมัน เป็นที่ประทับของสุลต่านองค์สำคัญๆ ซึ่งบรรยากาศของพระราชวังกว้างใหญ่ไพศาลอยู่ในดงต้นมะกอก และตั้งอยู่ริมช่องแคบ บอสฟอรัส ท่านจะได้ชมห้องต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการให้เห็นภาพย้อนยุคในสมัยออตโตมัน และ พระราชวังแห่งนี้ยังเป็นที่เก็บรวบรวมสมบัติโบราณของประเทศตุรกี รวมทั้งเครื่องกระเบื้องเคลือบอันสวยหรู ก่อนนำท่านสู่ จุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของวิวริมช่องแคบบอสฟอรัส

กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(16)

บ่าย       นำท่านเดินทางเที่ยวชม “ฮิปโปโดม” (HIPPODOME)สร้างในสมัยจักรพรรดิเซ็ปติมุส เซเวรุส เป็นสนามอาเรน่าที่ใช้สำหรับการแข่งม้าศึกในยุคโรมันที่วางรูปแบบไว้อย่างสวยงามและกิจกรรมต่างๆสามารถจุผู้คนได้กว่า 100,000 คน ในฮิปโปโดรมมีอนุสาวรีย์เด่นๆสามแห่งคือ 

1.เสาโอบีลิสก์ฟาโรห์ธุตโมส (Obelisk of Pharaoh Thutmose) ซึ่งคอนคอนสแตนตินมหาราชนำมาจากเมืองคาร์นัคประเทศอียิปในสมัยที่มีการขนย้ายอนุสาวรีย์ต่างๆมาจากอาณาจักรยุคโบราณ 2.เสางู (Serpentine column) สลักเป็นรูปสามเหลี่ยมตัวกระหวัดรัดพันกันเดิทตั้งอยู่ที่วิหารเทพอพอลโล่แห่งเมืองเดลฟี 3.เสาคอลัมน์คอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.940 แต่ไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด 

นำท่านเที่ยวชม “มัสยิดสีน้ำเงิน” (BLUE MOSQUE)เพื่อความยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรออตโตมัน

หรือ มัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmet Mosque)อันเก่าแก่และยิ่งใหญ่ในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยกาหลิบ Ahmed I ยุค จักรวรรดิ์อ๊อตโตมาน ระหว่างปี 1609-1616 เป็นมัสยิดที่โอ่อ่า สง่างาม เกินคำบรรยาย ด้วยการสร้างหออะซานจำนวน 6 หอ จนเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์สำคัญของตุรกีซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนไม่พลาดที่จะต้องไปเยือน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วิหารเซนต์โซเฟีย (ST.SOPHIA)ชมศิลปะประยุกต์ไบเซนต์ไทน์ ที่เคยเป็นโบสถ์ศาสนาคริสต์มาก่อน และ กลายมาเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นศิลปะที่เก่าแก่และสวยงามยิ่ง และ ยังเป็นมรดกโลกอีกด้วย

ค่ำ     รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร(17)

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงอิสตันบูล

วันที่แปด  สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

0125น.       ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่TK 068

1500น.       เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ... โดยสวัสดิภาพ

 

**หมายเหตุ     รายการทัวร์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม**

 
ราคาต่อท่าน รวมตั๋วเครื่องบิน ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
ผู้ใหญ่ พัก 2-3 ท่าน/ห้อง 39,900.- 16,900.-
พักห้องเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ 5,500.-

*** ราคานี้บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาตามภาษีน้ำมันและราคาตั๋วของสายการบิน

ณ วันที่ 17 พ.ย.60หากมีการเก็บเพิ่มโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าหลังจากออกราคานี้ไปแล้ว

*** การเดินทางในแต่ละครั้งจะต้องมีผู้โดยสาร ผู้ใหญ่ตั้งแต่15 ท่านขึ้นไปหากผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ต่ำกว่า 15 ท่าน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเลื่อนการเดินทาง หรือเปลี่ยนแปลงราคา

*** คนไทยไม่ต้องทำวีซ่า

*** ขอสงวนสิทธิ์สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้เดินทางที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีผู้ดูแลเนื่องจากอาหารและการเดินทางระยะไกลไม่เหมาะสำหรับเด็ก

 

อัตรานี้รวม

*ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชั้นประหยัด ตามเส้นทาง

*ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทาง20 กิโลกรัม/ท่าน

*ค่าโรงแรมที่พัก (สองท่านต่อหนึ่งห้อง), ค่ารถรับส่งระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการที่ระบุ

*ค่าอาหารและเครื่องดื่มตามรายการที่ได้ระบุ, ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่มี

*ค่ามัคคุเทศก์ของบริษัทจากกรุงเทพฯที่คอยอำนวยความสะดวกแก่ท่านตลอดการเดินทางในต่างประเทศ

*ค่าประกันการเดินทางเฉพาะอุบัติเหตุเท่านั้น คุ้มครองในวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท สำหรับผู้เดินทางไปพร้อมกรุ๊ปในระยะเวลาท่องเที่ยวกับทัวร์เท่านั้น ประกันการเดินทางจะไม่คุ้มครองผู้ที่อายุต่ำกว่า 1 ปีหรือเกิน 85 ปีขึ้นไป (อายุ 1-15ปี และ 75-84 ปีคุ้มครอง 50 %  รายละเอียดตามเงื่อนไขกรมธรรม์ )

*** กรณีต้องการทำประกันการเดินทางรายดี่ยวเพิ่ม รวมประกันสุขภาพด้วย ชำระเพิ่มท่านละ 500 บาท/ท่าน รายละเอียดตามเงื่อนไขกรมธรรม์

* มี Wifiฟรีบนรถโค้ช และ แจกน้ำดื่มทุกวัน

อัตรานี้ไม่รวม

*ค่าทำหนังสือเดินทาง, ค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ หรือ คนต่างด้าว

*ค่าทำวีซ่าประเทศตุรกี

*ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการทำหนังสือเดินทางหายทุกกรณี

*ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด (20 กิโลกรัมต่อท่าน)

*ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา

*ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่มเอง

*ค่าอาหารที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ  ค่าโทรศัพท์  ค่าซักรีด ฯลฯ

*ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%

*ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าโรงแรมซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง

*ไม่รวมค่าทิปหัวหน้าทัวร์+ไกด์+คนขับรถ ตลอดทริป  50ดอลล่าร์ยูเอส($USD)/ท่าน ตลอดการเดินทาง

***ไม่มีแจกกระเป๋า

 

 
อัตราค่าบริการ
 
คณะผู้เดินทาง
ราคารวมตั๋ว
ราคาไม่รวมตั๋ว
ผู้ใหญ่(พักห้องคู่) 2-3 ท่าน/ห้อง
89,900บาท
46,900บาท
เด็กอายุมากกว่า 7-12 ปี พักกับ 1 ผู้ใหญ่
89,900บาท
46,900บาท
เด็กอายุมากกว่า 7-12 ปี พักกับ 2 ผู้ใหญ่มีเตียง
87,900 บาท
44,900 บาท
เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี พักกับ 2 ผู้ใหญ่ไม่มีเตียง
84,900 บาท
42,900 บาท
ห้องพักเดี่ยวเพิ่มท่านละ      
13,000 บาท
มีวีซ่าแล้วลดท่านละ
2,300 บาท
 
*** โรงแรมในยุโรป ไม่อนุญาตให้เด็กอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป เข้าพักแบบไม่มีเตียง***
*** การเดินทางในแต่ละครั้งจะต้องมีผู้โดยสาร จำนวน 20 ท่านขึ้นไป หากจำนวนผู้โดยสารต่ำกว่า 15 ผู้ใหญ่ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเลื่อนการเดินทางหรือ เปลี่ยนแปลงราคา
*** บริษัทฯของสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาหากสายการบินเปลี่ยนแปลงราคาหลังจากออกราคานี้ไปแล้ว
*** กรณีทีนอน 3 ท่าน/ห้อง บางโรงแรมที่ยุโรปอาจจะไม่มี ลูกค้าจำเป็นต้องจ่ายห้องพักเดี่ยวเพิ่ม (Single)
*** กรณีห้องพักต่างประเภทกัน เช่น ห้องคู่2 ท่าน/ห้อง (Twin/Double) หรือ ห้องพักแบบ 3 ท่าน/3 เตียง (Triple Room) หรือ ห้องพักเดี่ยว (Single) ห้องพักอาจจะไม่ติดกัน หรือ คนละชั้น เนื่องจากโรงแรมอาจจะแยกประเภทห้องแต่ละชั้นกันไป แตกต่างกัน
 
อัตรานี้รวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชั้นประหยัด ตามเส้นทาง
  • ค่าโรงแรมที่พัก (สองท่านต่อหนึ่งห้อง), ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการที่ระบุ
  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มตามรายการที่ได้ระบุ, ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่มี
  • ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าเยอรมัน
  • ค่ารถโค้ชรับ-ส่งระหว่างนำเที่ยว (กฎหมายไม่อนุญาตให้ขับรถเกิน 12 ช.ม./วัน)
  • ค่ามัคคุเทศก์ของบริษัทจากกรุงเทพฯที่คอยอำนวยความสะดวกแก่ท่านตลอดการเดินทางในต่างประเทศ
  • ค่าประกันการเดินทางAllianz Global Travel InsuranceGroup Tour Worldwide คุ้มครองการสูญเสียชีวิต/อวัยวะจากอุบัติเหตุ สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุมากกว่า 16 ปีน้อยกว่า 75 ปี ไม่เกิน 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศไม่เกิน 1,500,000 บาท ทั้งนี้ครอบคลุมถึงประกันสุขภาพที่ไม่ได้เกิดจากโรคประจำตัว
  • ค่าน้ำมันจากสายการบิน และค่าภาษีสนามบิน ณ  วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 และบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนราคาตามภาษีน้ำมันหากสายการบินมีการปรับเพิ่มขึ้นหลังจากนี้
อัตรานี้ไม่รวม
  • ค่าทำหนังสือเดินทาง, ค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ หรือ คนต่างด้าว, ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการทำหนังสือเดินทางหายทุกกรณี
  • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด (30กิโลกรัมต่อท่าน)
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่มเอง
  • ค่าอาหารที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ  ค่าโทรศัพท์  ค่าซักรีด ฯลฯ
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าโรงแรม
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ 2 ยูโร/ท่าน/วัน และทิปคนขับรถ 2 ยูโร/ ท่าน/วัน
  • ไม่มีแจกน้ำดื่มบนรถ
  • ไม่มีแจกกระเป๋า
เงื่อนไขการจองทัวร์และการชำระเงิน
1.   ทางบริษัทฯ จะขอเก็บเงินค่ามัดจำเป็นจำนวน 30,000.- บาทต่อการจองทัวร์หนึ่งท่าน ท่านต้องเตรียมเอกสารให้ทางบริษัทฯ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับท่านในการทำวีซ่า ก่อนวันเดินทางอย่างน้อย 21วัน หรือ( 3 สัปดาห์ )ในการทำวีซ่าเข้าประเทศ หากเอกสารท่านล่าช้าไม่ทันกำหนดหรือไม่ครบตามมาตรฐาน     ที่สถานทูตกำหนดในเรื่องการงาน และการเงิน หรือการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จอันเป็นผลทำให้สถานทูตปฏิเสธการ        ออกวีซ่า  บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด
และหากวางมัดจำ หรือออกตั๋วแล้ว บริษัทฯไม่สามารถคืนค่าตั๋วได้เพราะเป็นเงื่อนไขของสายการบินเนื่องจากเป็นตั๋วโปรโมชั่น ซื้อตั๋วขายขาด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆได้ทั้งสิ้น เช่น ไม่สามารถ คืนเงินค่าตั๋ว, เปลี่ยนแปลงชื่อผู้เดินทาง, เปลี่ยนเส้นทาง, เลื่อนวันเดินทางได้ ฯลฯ
2.   สำหรับค่าทัวร์ส่วนที่เหลือ บริษัทฯ จะขอเก็บทั้งหมดก่อนการเดินทางอย่างน้อย 15 วันทำการ หากไม่ได้รับเงินครบทั้งหมดก่อนวันเดินทาง บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการให้บริการ
3.   หลังจากท่านตกลงจากจองเรียบร้อยแล้ว กรุณาส่งแฟ๊กซ์สำเนาหนังสือเดินทาง
 
การยกเลิก
  • แจ้งยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วันทำการ คืนค่ามัดจำทั้งหมด
  • หากท่านแจ้งยกเลิกการเดินทางน้อยกว่า 45 วัน  บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด หรือออกตั๋วแล้ว บริษัทฯไม่สามารถคืนค่าตั๋วได้เพราะเป็นเงื่อนไขของสายการบินเนื่องจากเป็นราคาตั๋วโปรโมชั่น ซื้อตั๋วขายขาด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆได้ทั้งสิ้น เช่น ไม่สามารถ คืนเงินค่าตั๋ว, เปลี่ยนแปลงชื่อผู้เดินทาง, เปลี่ยนเส้นทาง หรือเลื่อนวันเดินทางได้ ฯลฯ
  • หากท่านยกเลิกการเดินทาง อันเนื่องมาจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งในคณะของท่านไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติวีซ่าไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามอันเป็นการพิจารณาของสถานทูต  ซึ่งการยกเลิกเฉพาะบุคคลหรือยกเลิกพร้อมกันทั้งหมด ให้ถือเป็นการยกเลิกตามเงื่อนไขของวันเวลาที่ยกเลิกดังกล่าวข้างต้น
  • กรณียกเลิก ด้วยเหตุผลส่วนตัว  เช่น  หยุดงานไม่ได้ หรือ ติดธุระส่วนตัว หรือเอกสารไม่พร้อมที่ยื่นวีซ่าได้ (ท่านยกเลิกเอง หรือ เอกสารไม่สมบูรณ์) ก่อนเดินทาง 30 วัน ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการคืนมัดจำทั้งหมด *** แต่หากท่านสามารถหาผู้เดินทางมาแทนได้ โดยยื่นวีซ่าได้ทันตามกำหนดเวลา และต้องไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่สามารถคืนเงินค่าตั๋วได้ทางบริษัทฯ จะคืนมัดจำทั้งหมด กรณียังไม่ได้ยื่นวีซ่า หรือ ออกตั๋ว แต่หากดำเนินการทั้ง 2 อย่างที่กล่าวข้างต้นแล้ว ทางบริษัทฯ จะคิดค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง เช่น ค่าวีซ่า, ค่าตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ สำหรับผู้ที่มาแทนคิดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใหม่จริง เช่น ค่าวีซ่า และ ค่าตั๋ว  ***
  • กรณีเจ็บป่วยจนไม่สามารถเดินทางได้ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง
  • ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์คิดค่าใช้จ่ายที่เกิดตามความจริงทั้งหมด หรือ คิดตามค่าเสียหาย เช่น ค่าตั๋วโดยสาร, ค่าโรงแรม, ค่าธรรมเนียมวีซ่า, ค่ารถ เป็นต้น
  • กรณีวีซ่าผ่านแล้ว แจ้งยกเลิกก่อนหรือหลังออกตั๋วโดยสารบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการ ไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด
  • กรณีวีซ่าผ่านแล้ว แต่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ได้  เนื่องจากผู้เดินทางท่านอื่นในกลุ่มโดนปฏิเสธวีซ่าหรือไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆก็ตามทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการหักเก็บค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นแล้วกับท่าน เป็นกรณีไป
  • กรณีผู้เดินทางไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้เนื่องจากเอกสารปลอมหรือการห้ามของเจ้าหน้าที่ไม่ว่าเหตุผลใดๆก็ตามทางบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด
 
การสะสมไมล์ของสายการบิน
การเดินทางเป็นหมู่คณะของสารการบินไทย สามารถสะสมไมล์ได้ 50 % จากไมล์ปกติ และสามารถสะสมไมล์ได้ในเครือ Star Alliance ได้ 50% เช่นกัน
 
กระเป๋าเดินทางและสัมภาระ
™- กระเป๋าใบใหญ่ (ควรมีล้อลาก/เข็นได้) ที่จะบรรทุกใส่ใต้ท้องเครื่องบิน น้ำหนักไม่เกินท่านละ 30   กิโลกรัม (หากน้ำหนักเกิน ทางสายการบินอาจจะเรียกเก็บค่าระวางเพิ่มได้) ควรใส่กุญแจอย่างหนาแน่น
(สาหรับผู้โดยสารชั้นประหยัดหรือ Economy Class Passenger)
- กระเป๋าสำหรับหิ้วขึ้นเครื่อง สายการบินอนุุญาตให้ได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม และความกว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 115 เซนติเมตร หรือ 25 เซ็นติเมตร (9.75 นิ้ว) x 56 เซนตเมตร (21.5 นิ้ว) x 46 เซนตเมตร (18 นิ้ว)
- ในบางสายการบิน มีบินภายใน อนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องได้ แค่ท่านละ 1 ใบ/ท่านเท่านั้น และ หิ้วขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ/ท่านเช่นกัน
 
บริษัทของสงวนสิทธิ์ในการไม่รับการจองทัวร์ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในโปรแกรมทัวร์ไม่
เอื้ออำนวยต่อบุคคลดังต่อไปนี้
1.    เด็กที่มีอายุในระหว่างแรกเกิดถึง 4 ขวบ
2.    ผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นต้องใช้วีลแชร์, ไม้เท้า, หรือเครื่องมือต่างๆในการพยุงตัว
3.    ผู้เดินทางที่บ่งบอกการเป็นบุคคลไร้ความสามารถ
 
สถานที่เข้าชม(Reservation Fee & Entrance Fee)
การจัดทำโปรแกรมทัวร์เป็นการกำหนดโปรแกรมทัวร์ตลอดทั้งปี หากวันเดินทางดังกล่าวตรงกับวันที่สถานที่เข้าชมนั้นๆ ปิดทำการ หรือ ปิดโดยมิได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า หรือ การเปิดจองผ่านระบบออนไลน์ โดยในวันที่คณะจะเข้าชมไม่สามารถจองผ่านระบบดังกล่าวได้ ทางบริษัทจะคืนเงิน Entrance Fee (ราคากรุ๊ปทัวร์) ตามที่ระบุไว้ในเอกสารของสถานที่นั้นๆ หรือสลับโปรแกรม เพื่อให้ท่านได้เข้ามสถานที่ดังกล่าวได้ แต่หากมีการล่าช้า หรือเหตุใดเหตุหนึ่งในระหว่างการเดินทาง เป็นผลทำให้ท่านไม่สามารถเข้าสถานที่ดังกล่าวได้ ทางบริษัทฯ จะไม่มีการคืนเงินใดๆให้แก่ท่าน เนื่องจากได้ชำระ Reservation Fee ไปแล้ว
การสูบบุหรี่ (Smoking Area)
ในประเทศต่างๆในแถบยุโรป มีการรณรงค์เรื่องการงดสูบบุหรี่ บนรถโค้ช, โรงแรมและสถานที่ต่างๆ จะมีข้อกำหนดที่ชัดเจน ในเรื่องการสูบบุหรี่ และมีสถานที่โดยเฉพาะสำหรับผู้สูบบุหรี่ ทั้งนี้เนื่องจากสุขภาพของคนส่วนรวม
 
หมายเหตุ
1.    บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในรายการทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุจำเป็นหรือสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้และจะไม่รับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่สูญหาย สูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บที่นอกเหนือความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์และเหตุสุดวิสัยบางประการ เช่น การนัดหยุดงาน ภัยธรรมชาติ การจลาจลต่างๆ เป็นต้น
2.    เนื่องจากรายการทัวร์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆตามรายการใดรายการหนึ่ง ไม่สามารถนำมาเป็นส่วนลด หรือคืนเงินได้ในทุกกรณี
3.    เหตุการณ์ทางการเมืองและภัยธรรมชาติฯลฯ โดยบริษัทฯ จะคำนึงถึงความสะดวกของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
4.    บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบในกรณีที่ผู้โดยสารถูกปฏิเสธเข้าเมือง โดยกองตรวจคนเข้าเมือง
5.    เนื่องจากมีสิ่งผิดกฎหมายหรือสิ่งของห้ามนำเข้าประเทศ หรือเอกสารการเดินทางไม่ถูกต้อง หรือความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือด้วยเหตุผลใดๆก็ตามที่กองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้ว ทางบริษัทฯไม่อาจคืนเงินไห้ท่านได้ไม่ว่าจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน
6.    สถานฑูตเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า (ไม่คืนทุกกรณี หากมีการยื่นวีซ่าแล้ว)
7.    บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับจองทัวร์แก่ลูกค้าที่มีการตั้งครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป (เพราะอาจจะเกิดอันตราย / เพื่อความปลอดภัย / เว้นมีใบรับรองแพทย์)
8.    ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฏิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกติเราใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
9.    ท่านที่จะออกตั๋วภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง หากท่านออกตั๋วโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงานแล้ว ทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้นได้กรณี CHECK-THROUGH (เช็คจากต่างจังหวัดไปยุโรปเลย) กระเป๋าเดินทาง ต้องออกตั๋วให้ถูกต้องตรงกับหนังสือเดินทางเท่านั้น แต่ขอเรียนแนะนำว่า ท่านควรเช็คกระเป๋ามาสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิแล้วเช็คไปยุโรปอีกครั้ง เพราะจากสถิติลูกค้าที่กระเป๋าหลงไม่ไปกับเจ้าของจะเป็นลูกค้าที่เช็คมาจากต่างจังหวัดมากที่สุด
10.ใน 1 วัน คนขับรถจะทำงานและพักผ่อนระหว่างขับรถรวมแล้วไม่เกิน 12 ชม. เช่น เริ่มงาน 08.00 น. ต้องจบงานภายใน20.00 น. หากมีการเสียเวลาระหว่างวันทุกกรณีโปรแกรมอาจต้องแก้ไขปรับเปลี่ยน
11.บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหาย อันเนื่องเกิดจากความประมาทของท่าน, เกิดจากการโจรกรรม และ อุบัติเหตุจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเอง
12.      เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของบริษัทฯ หรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ /ทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆ ของทางบริษัทฯ แล้ว
 
ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องโรงแรมที่พัก
1. เนื่องจากการวางแปลนห้องพักของแต่ละโรงแรมแตกต่างกัน จึงอาจทำให้ห้องพักแบบห้องเดี่ยว (Single),ห้องคู่ (Twin/Double) และห้องพักแบบ 3 ท่าน/3 เตียง (Triple Room) ห้องพักอาจจะไม่ติดกัน และบางโรงแรมอาจจะไม่มีห้องพักแบบ 3 เตียง (Triple Room)และหรือโรงแรมที่มีห้อง  3 เตียงเดี่ยว แต่อาจจะได้เป็น 1 เตียงใหญ่กับ 1 เตียงเสริม 
2. โรงแรมในยุโรปส่วนใหญ่อาจจะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ 
3. กรณีที่มีงานจัดประชุมนานาชาติ (Trade Fair) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้นมากและห้องพักในเมืองเต็ม บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
4. โรงแรมในยุโรปที่มีลักษณะเป็น Traditional Building ห้องที่เป็นห้องเดี่ยวอาจเป็นห้องที่มีขนาดกะทัดรัด และไม่มีอ่างอาบน้ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละโรงแรมนั้นๆ และห้องแต่ละห้องอาจมีลักษณะแตกต่างกัน
ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่นั่งบนเครื่องบิน
1. ทางบริษัทได้สำรองที่นั่งพร้อมชำระเงินมัดจำค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว หากท่านยกเลิกทัวร์ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์การเรียกเก็บค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน ซึ่งมีค่าใช้จ่าย แล้วแต่สายการบินและช่วงเวลาเดินทาง 
2. หากตั๋วเครื่องบินทำการออกแล้ว แต่ท่านไม่สามารถออกเดินทางได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์เรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง
3. ที่นั่ง Long Leg โดยปกติอยู่บริเวณทางออกประตูฉุกเฉิน หรือ ผู้ที่จะนั่งต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่สายการบินกำหนด ซึ่งทางสายการบิน จะล็อคที่นั่งไว้ ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถจัดการได้ เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เครื่องบินมีปัญหา เช่น สามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ (น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม) ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพและร่างกาย และอำนาจในการให้ที่นั่ง Long leg ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่เช็คอินสายการบิน ตอนเวลาที่เช็คอินเท่านั้น

 

 
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2561                                       สนามบินสุวรรณภูมิ                   
1730 น.
พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 8  แถว Q  สายการบิน Qatar Airwaysเจ้าหน้าที่จากบริษัทนิสโก้ทราเวลจะคอยให้การต้อนรับอำนวยความสะดวกในการเช็คสัมภาระและบัตรโดยสาร เพื่อเช็คอิน
2055 น.
ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเวียนนา(VIE) ประเทศออสเตรีย โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR 833
วันศุกรที่ 18 พฤษภาคม 2561                         กรุงเทพฯ –  เวียนนา (ประเทศออสเตรีย)                  
0010 น.
เดินทางถึงสนามบินเมืองโดฮา แวะเปลี่ยนเครื่อง (สัมภาระเช็คทรูสู่เวียนนา)
0250 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย โดยสายการบิน Qatar Airwaysเที่ยวบินที่  QR 189
0730 น.
(เวลาท้องถิ่น ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย) คณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเวียนนา นำคณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และ ศุลกากร พร้อมรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ออกเดินทางโดยรถโค้ช สู่ ตัวเมือง กรุงเวียนนาเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นเมืองที่สะอาดและผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านชมสถานที่สำคัญ ๆ ในกรุงเวียนนา และเขตเมืองเก่าใจกลางเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 2001
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (Asian Buffet Lunch)
บ่าย
นำคณะเดินทางไปชม “พระราชวังเชรินบรุนน์ที่เป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับสเบิร์ก แห่งออสเตรีย มาตั้งแต่สมัยคริสศตวรรษที่ 13 - 20โดยจักรพรรดิโยเซฟที่ 1มีพระราชดำริให้สร้างพระราชวังที่โอ่อ่าหรูหรา โดยใช้พระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศสเป็นต้นแบบพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 ในสมัยพระนางมาเรียเทเรซ่า ได้มีการปรับปรุงทั้งภายในและภายนอก พร้อมเครื่องตกแต่งพระราชวัง และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ให้เป็นแบบรอคโคโคทั้งหมด โดยมีสถาปนิคชื่อดัง คือนิโคลาส คาส เป็นผุ้ออกแบบส่วนสวนดอกไม้ผู้ออกแบบ คือ เฟอร์ดินานด์แห่งโฮเฮนแบร์ก พระองค์ทรงปรับปรุง ก่อสร้าง และ ต่อเติมพระราชวังแห่งนี้ ขึ้นมากมายทั้งความยิ่งใหญ่อลังการ และความสวยงาม  หลังสงครามโลกครั้งที่ 2พระราชวังได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการที่พันธมิตรได้บุกยึดเพื่อใช้เป็นกองบัญชาการดังนั้นรัฐบาลออสเตรียจึงต้องซ่อมแซมพระราชวังใหม่ให้งดงามดังเดิม อิสระให้คณะได้เก็บภาพความประทับใจรอบ ๆ พระราชวัง จากนั้นนำคณะเดินทางสู่ย่านการค้า ชมผู้คน ร้านค้า หรือให้เลือกซื้อหาของที่ระลึกเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาให้ท่านรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ค่ำ
นำคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ โรงแรม “Mercue Hotel Wien”หรือเทียบเท่าระดับเทียบเท่า
วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2561                                   เวียนนา – กราซ  “ทอดผ้าป่า”                                  
เช้า 
อาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะเช็คเอาท์ พร้อมออกเดินทางสู่เมืองกราซ (ระยะทางประมาณ 196กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองกราซ (Graz)  เป็นเมืองที่ใหญ่ที่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเวียนนา และยังเป็นเมืองหลวงของรัฐสติเรีย เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์และ เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ใจกลางเมืองจะมีภูเขาเล็กๆ ชื่อว่า “Schlossberg”หรือ “Castle hill”เป็นที่ตั้งของหอนาฬิกาเก่าแก่ (Uhrturm) ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง ถือเป็นแลนมาร์คสำคัญของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีป้อมปืนใหญ่ บ่อน้ำโบราณ หอระฆัง รูปปั้น ฯลฯ ซึ่งคอยบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในยุคกลางของเมืองให้แก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือน
1100 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร“Hong Kong Restaurant”
บ่าย
หลังอาหารนำคณะผ่านชมสถานที่สำคัญ ในเมืองกราซ เช่นเขตเมืองเก่า หรือ Old Town ในอดีตมีป้อมปราการ และปราสาท จัตุรัสกลางเมือง เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ อนุสาวรีย์ และ ฯลฯ ผ่านชมเกาะลอย หรือ มูรินเซล (Murinsel) เป็นเกาะจำลองรูปเปลือกหอย สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นลานกิจกรรมในโอกาสต่าง ๆ จนได้เวลาพอสมควรนำคณะเดินทางไปวัดพุทธเมตตาเพื่อไปส่งคณะสงฆ์ คณะสงฆ์พักผ่อนตามอัธยาศัย ณ วัดพุทธเมตตา
ค่ำ
คณะฆารวาสเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก ณ  “Europa Hotel Graz”หรือระดับเทียบเท่า เช็คอินและรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2561                         เมืองกราซ  ทำบุญทอดผ้าป่า ณ วัดไทย                   
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0800 น.
เดินทางไปยังวัดพุทธเมตตา เพื่อประกอบพิธีทอดผ้าป่า
Address:    Buddhaettar Temple, Tremayrgasse 68010 Graz (Graz Ost)
1100 น.
ถวายภัตตาหารเพลแด่คณะสงฆ์  ณ วัดไทยพุทธเมตตา
เที่ยง
คณะรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกัน ณ วัดไทยพุทธเมตตา
1300 น.
หลังเสร็จพิธีทอดผ้าป่าแล้ว นำคณะไปชมตลาดสินค้าพื้นเมือง และไปเดินเล่นถ่ายรูป ณ เขตเมืองเก่า อิสระให้ฆารวาสรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย จนได้เวลาพอสมควร
ค่ำ
คณะสงฆ์พักผ่อนตามอัธยาศัย ณ วัดพุทธเมตตา ส่วนฆารวาสเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ “Europa Hotel Graz” หรือระดับเทียบเท่า
วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม 2561                                เมืองกราซ  - ฮอลสตัทท์  – ซาลส์บูร์ก                        
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0800 น.
หลังอาหารเช้าคณะเตรียมตัวเช็คเอาท์ พร้อมออกเดินทางไปรับคณะสงฆ์ ณ วัดไทยพุทธเมตตา เมื่อรับคณะสงฆ์เรียบร้อยแล้ว คณะทั้งหมดออกเดินทางไปยังบ้าน ของประธานวัดไทยพุทธเมตตา เพื่อถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ และคณะฆารวาส รับประทานอาหารกลางวันพร้อมกัน 
1100 น.
ถวายภัตตาหารเพลแด่คณะสงฆ์ที่บ้านโยม ณ เมืองกราซ
1130 น. 
คณะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่บ้านโยม ณ เมืองกราซ ประธานวัดไทยพุทธเมตตาเป็นเจ้าภาพ
1400 น.
คณะออกเดินทางสู่ เมืองซาลส์บูร์ก ระยะทาง 196 กิโลเมตร  ระหว่างทางแวะชมความสวยงามของ “เมืองฮอลล์ สตัทท์”(Hallstatt) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ที่สวยที่สุดอีกเมืองหนึ่ง และยังเป็นหนึ่งใน เมือง ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ออสเตรีย นำคณะชมความสวยงามของตัวเมืองชมบ้านเรือนที่สวยงามริมทะเลสาบที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาที่สวย งาม
1700 น.
จนได้เวลาพอสมควรเดินทางต่อสู่ “เมืองซาลซ์บูร์ก”ระยะทาง 71 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
“เมืองซาลส์บูร์ก (Salzburg)”เมืองสวยที่สุดเมืองหนึ่งของทวีปยุโรป ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1996 เป็นบ้านเกิดของคีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนามโมสาร์ท และใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์อมตะ (ที่สร้างจากเรื่องจริงของคุณครูมาเรีย) เรื่องมนต์รักเพลงสวรรค์ ซึ่งทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเมืองนี้มีอดีตที่เติบโตมาจากการผลิตเกลือและการค้าเกลือซึ่งในยุคนั้นมีค่าประดุจทองคำขาว ดังนั้น“เกลือ”จึงเป็นที่มาของทั้งชื่อแคว้นและชื่อเมือง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำคณะเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Austria Trend Europa Hotel, Zalzburg หรือระดับเทียบเท่า
วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2561                                        เมืองซาลซ์บูร์ก(Zalzburg)                                       
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะไปเที่ยวชมความสวยงามของ “สวนดอกไม้มิราเบล” (Mirabell Garden) ช่วงนี้จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง เดอะซาวส์ออฟมิวสิค ภายในมีพระราชวังอันงดงาม คือ “พระราชวังมิราเบลที่มีประวัติความเป็นมาอันสุดแสนโรแมนติกและ เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของสถาปัตยกรรมสไตล์บาร๊อค สร้างโดยเจ้าชายอาร์คบิชอปแห่งซาลซ์บูร์ก (Wolf Dietrich von Raitenau) ในปี ค.ศ. 1606 อิสระให้คณะได้เก็บภาพความทรงจำอันสวยงาม ณ สวนเสน่ห์ แห่งนี้
1130 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร “An Bing Restaurant Salzburg
บ่าย
นำคณะเดินข้ามแม่น้ำซาลซัคเข้าสู่เขตเมืองเก่า บนสะพานข้ามแม่น้ำจะมีคู่รักนำแม่กุญแจมาคล้องกันสวยงามละลานตาเดินเข้าสู่ถนนเกไทรเดร้ (Getrei-degasse) ชมความงดงามของบ้านเรือนที่ตั้งอยู่เรียงรายบนถนนสายนี้ ถนนสายนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15-18 ลักษณะเด่นคือมีลานบ้านที่มีหลังคาอันสวย งาม ป้ายเหล็กที่ทำด้วยมือและกรอบหน้าต่างเป็นภาพปูนปั้นแกะสลักปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นย่าน shopping ที่มีร้านค้าแบรนด์เนม และร้านค้าที่ขายของที่ระลึกมากมาย จนได้เวลาพอสมควรนำคณะเดินทางสู่ภัตตาคาร
ค่ำ
หลังอาหารนำคณะเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ Austria Trend Europa Hotel, Zalzburg หรือระดับเทียบเท่า ให้คณะฆารวาสรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย
วันพุธที่ 23 พฤษภาคม 2561                             เมืองซาลซ์บูร์กเมืองอินส์บรูค                                 
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเช้านำคณะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก พร้อมออกเดินทางสู่เมืองอินส์บรูคระหว่างทาง (45 กิโลเมตร) นำคณะแวะชมความสวยงามหมู่บ้านเล็ก ๆ “Ramsau bei Berchtesgaden”เพลิดเพลินกับความสวยงามของบ้านเมือง และธรรมชาติ และบริเวณรอบ ๆ 
1130 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร “Gasthaus Sandwirt am Inn Restaurant, Innsbruck”
บ่าย
จากนั้นออกเดินทางต่อสู่ “เมืองอินส์บรูค” เมืองหลวงของรัฐทิโรล (ระยะทาง 155 กิโลเมตร) ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศออสเตรีย บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ เป็นหนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย นอกจากกรุงเวียนนา และ เมืองซาลส์บวร์ก  เมืองอินส์บรูค ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน มีลักษณะเป็นที่ราบแคบ ๆ แทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์ เดิมเป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิแม็กซิมิเลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวร์ก เพราะอากาศที่นี่ดีมากผู้ที่เข้ามาปกครองจักรวรรดิออสเตรียต่างก็ต้องติดใจมาพักผ่อนในเมืองแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น พระนางมาเรีย เทเรเซีย ผู้ยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่ ท่าน นโปเลียน ตัวเมืองมีประวติศาสตร์ยาวนาน และมีทัศนียภาพที่สวยงามจากเทือกเขาแอล์ปที่โอบล้อมอยู่จนได้รับการขนามนามว่า “Capital of the Alps”
นำคณะเดินทางสู่ย่านใจกลางเมืองชมอาสนวิหารโรมันคาโทริค “Dom St Jakob” หรือ “The Cathedral of St. James” สร้างสไตล์บารอค ในศตวรรษที่ 18ในระหว่างปี ค.ศ. 1717-1724 เพี่ออุทิศให้กับ ท่าน Saint James ลูกชายของเซเบดี (Zebedee) ผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้น จากนั้นเดินไปชมหลังคาทองคำ ที่สร้างด้วยทองคำจริง ๆ แวะ จัตุรัสที่สวยงามจะมีร้านค้าขายอาหาร สินค้าแบรนด์แนม ร้านช็อคโกแล็ต และร้านขายของที่ระลึกหลายร้าน ให้ท่านได้เดินชม หาซื้อของฝาก และรับประทานอาหารค่ำได้ตามอัธยาศัย จนได้เวลาพอสมควร
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ “Happy Wok Restaurant Innsbruck”
หลังอาหารนำคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Alphotel Hotel, Innsbruckหรือระดับเทียบเท่า
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม 2561                                  เมืองอินส์บรูค – เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่”หมู่บ้านมิทเทนวาลด์น“Mittenwald”ระยะทาง 38 กิโลเมตร หมู่บ้านน้อยตั้งอยู่ริมภูเขาสูง จากหมู่บ้านมีเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปยอดเขา Karwendel สูง 2,244 เมตร ข้างบนเป็นร้านอาหารและลานเล่นสกีในหน้าหนาว เมืองนี้มีชื่อเรื่องการทำไวโอลินมาเกือบสามร้อยปี เป็นที่ตั้งของอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม โบสถ์ และสถานที่พักผ่อน ตั้งอยู่ในแคว้นบาวาเรีย
 
จากนั้นเดินทางต่อสู่ “Garmisch Partenkirchen” ระยะทาง 20 กิโลเมตร รถแล่นเรียบเขาที่สวยงาม อิสระให้ท่านได้ชมความสวยงามของเมืองนี้ชมความน่ารักของ “Garmisch-Partenkirchen” หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเทือกเขาแอลป์ 
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร “S’Wirthaus Restaurant
เดินทางต่อสู่ “Oberammergau” ระยะทาง 21 กิโลเมตร เป็นเมืองแห่งศิลปะ แวะเยี่ยมชม ความสวยงามของตัวเมือง ชมความเป็นอยู่ของผู้คน 
บ่าย
นำคณะออกเดินทางสู่ เมืองมิวนิคประเทศเยอรมัน ระยะทาง 91 กิโลเมตร เมืองมิวนิค เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย ที่มีเศรษฐกิจที่มั่นคง ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 520 เมตร  อยู่บนที่ราบสูงบาวาเรียตอนบน เมื่อเดินทางถึงนำคณะไปชม “จัตุรัสมาเรียนปลัตส์”(Marienplatz) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ “นอยเยอรัทเฮาส์” (Neue Rathaus) ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าตรงหน้าจัตุรัส สร้างในสไตล์นีโอโกธิกในกลางคริสตศตวรรษที่ 19 มีหอคอยสูงกว่า 80 เมตร และไม่ไกลจากกันจะเป็นที่ตั้งของ หอนาฬิกา “Glockenspiel”ซึ่งในทุกเวลา 11 นาฬิกาและเที่ยงตรงของทุกๆวันจะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำให้ชมกันอีกด้วย ในอดีตจัตุรัสมาเรียนปลัตส์เคยเป็นพบปะชุมนุม ติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า มานานหลายศตวรรษ ปัจจุบันเป็นลานกว้างสำหรับคนเดิน ตรงกลางจัตุรัสมีเสาพระแม่มารีทองคำซึ่งเป็นที่มาของชื่อจัตุรัสแห่งนี้นั่นเอง
 
หากมีเวลานำคณะไปชม “ตลาดวิกชัวเลียน”(Viktualien Market) ตลาดนัดกลางแจ้งที่อยู่ใกล้ๆกับมาเรียนปลัตส์ ตลาดแห่งนี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยพระเจ้าแม็กซิมีเลียนที่ 1 ในปี ค.ศ. 1807 อิสระให้ท่านได้หาซื้อของที่ระลึก หรือหาอาหารค่ำรับประทานตามอัธยาศัย มีทั้งผักสด ผลไม้นำเข้า ชีส ฮอตด็อกไส้กรอก และอื่นๆอีกจำนวนมาก
ค่ำ
นำคณะเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ  “Holiday Inn Munich City East Hotel”
วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561                                    มิวนิค  -  กรุงเทพฯ                 
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช็คเอาท์หลังอาหารเช้า จากนั้นเดินทางไปชมสัญลักษณ์สำคัญของเมืองมิวนิค “โบสถ์เฟราเอนเคียเชอะ”(Frauenkirche) วิหารที่สำคัญที่สุดในเมืองมิวนิก ได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามแบบเยอรมันโกธิค โดยสถาปนิกชื่อ Jörg von Halsbach ในศตวรรษที่ 15 โดยใช้อิฐสีแดงเป็นส่วนใหญ่ และมีการสร้างโดมสีเขียวสไตล์เรอเนสซองส์เพิ่มในปี 1525 ภายในนั้นก็กว้างใหญ่อย่างน่ามหัศจรรย์สามารถจุคนได้ถึง 4,000 คน ลักษณะเฉพาะอันโดดเด่นของ Frauenkirche ที่เป็นรอยเท้าสีดำเล็กๆ ใกล้กับทางเข้า ซึ่งเรียกกันว่ารอยเท้าปีศาจ มีตำนานท้องถิ่นที่ลึกลับน่าสนใจเกี่ยวกับที่มาของรอยเท้าปริศนานี้มากมาย จากนั้น ชมสุสานหินอ่อนสีดำและทองแดงของจักรพรรดิ Ludwig ที่สี่แห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสุสานที่อยู่ในโบสถ์นี้ สมาชิกคนอื่นๆ ของราชวงค์ “Wittelsbach”และนักบวชของเมืองมิวนิคก็ถูกฝังที่นี่เช่นกัน อิสระให้ท่านได้เดินชมความสวยงามก่อนเดินทางไปภัตตาคาร
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร“Ruen Thong Restaurant
บ่าย
หลังอาหารนำคณะเดินทางสู่สนามบินนานาชาติเมืองมิวนิค
1655 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Qatar Airwaysเที่ยวบินที่  QR 058
2330 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองโดฮา แวะเปลี่ยนเครื่อง
วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2561                                         เมืองมิวนิค – กรุงเทพ ฯ                                      
0210 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพ ฯ โดยสายการบิน Qatar Airwaysเที่ยวบินที่ QR 834
1240 น.
คณะเดินทางถึงกรุงเทพ ฯ โดยสวัสดิภาพ
 
อัตราค่าบริการ       **สำหรับคณะเดินทางไม่ต่ำกว่า 15 ท่านพักห้องคู่
พระสงฆ์ 
ราคาท่านละ
75,500 บาท
พระสงฆ์ (ไม่ต้องทำวีซ๋า) ราคาท่านละ
72,900 บาท
ฆารวาสพักห้องคู่
ราคาท่านละ
79,900 บาท
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่ม
ราคาท่านละ
12,250 บาท
 
อัตรานี้รวม
*  ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินพร้อมภาษีน้ำมัน และภาษีสนามบินทุกแห่งโดย สายการบินไทยชั้นประหยัด   
    เดินทางไป-กลับพร้อมคณะ
*  ค่าโรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว ตามที่ระบุในรายการ หรือระดับเดียวกัน พักห้องละ 2 ท่าน
*  ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุ ในรายการ (ไม่มีอาหารเย็น)
*  ค่ารถโค้ชปรับอากาศ ระหว่างการเดินทาง
*  ค่าเข้าชมสถานที่ตามที่ระบุในรายการ
*  ค่าธรรมเนียมวีซ่า (สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย)
*  ค่าทิปคนขับรถ และทิปไกด์ท้องถิ่น ร้านอาหาร
*  ค่าใช้จ่ายสำหรับมัคคุเทศก์ เดินทางพร้อมคณะ และคอยอำนวยความสะดวกให้กับคณะตลอดการเดินทาง
*  ค่าประกันอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทางในวงเงิน ท่านละ 1,000,000บาท
 
อัตรานี้ไม่รวม
* ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร และเครื่องดื่มที่สั่งมาเอง นอกเหนือจากรายการ ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ
* ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม
* ค่าทำหนังสือเดินทาง
* ค่ำภาษีเชื้อเพลิงที่ทางสายการบินอาจมีการเรียกเก็บเพิ่มเติมในภายหลัง
* ค่าทิปหัวหน้าทัวร์คนไทยที่เดินทางไปพร้อมคณะ
 
 

 

เยอรมัน-ออสเตรีย-ฮังการี-สโลวัค-เช็ก

ยุโรปตะวันออก 4ประเทศ9วัน 6 คืน(พักเยอรมัน 2 คืน)

พิเศษ..เลิศรสกับขาหมูเยอรมันต้นตำรับแท้ พร้อมเบียร์ท้องถิ่น

 

กำหนดการเดินทาง     7-15 // 11-19  เมษายน 2559  (เทศกาลสงกรานต์)

วันแรก  (1)                                      กรุงเทพฯ –มิวนิค (เยอรมัน)
2130 น. คณะเดินทางพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ชั้น 4  ประตูทางเข้าหมายเลข  2 - 3 แถว Dเคาน์เตอร์สายการบินไทยเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและบริการเอกสารการเดินทาง
วันที่สองของการเดินทาง  (2)                       มิวนิค(เยอรมัน)-ฟุสเซ่น – ปราสาทนอยชวานสไตน์-แบด ไรเชนฮอล์
0050 น.
ออกเดินทางสู่ มิวนิค โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG924 
0705 น. (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม.) เดินทางถึง นครมิวนิค ประเทศเยอรมัน จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร รับสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่ เมืองฟุสเซ่น (FUSSEN/ระยะทาง158 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เมืองที่ตั้งอยู่ทางแคว้นบาวาเรีย ตอนใต้ของเยอรมนี ติดชายแดน ออสเตรีย มีความงดงามทางด้านทัศนียภาพ ท่านจะได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ริมสองข้างทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของขุนเขา จนกระทั่งถึงฟุสเซ่น   จากนั้นนำท่านชมเมืองสุดท้ายบนถนนสายโรแมนติกที่เคยมีความรุ่งเรืองในอดีตตั้งแต่ยุคโรมัน และได้ใช้ เมืองนี้เป็นจุดแวะพักขนถ่ายสินค้า และซื้อขายเกลือมาแต่โบราณ ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และ ร้านค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 
เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเปลี่ยนรถท้องถิ่น เพื่อขึ้นชมปราสาทนอยชวานสไตน์(NEUSCHWANSTEIN)ซึ่งสร้างอยู่บนเนินเขาสูงโดยจินตนาการของกษัตริย์ลุดวิคที่ 2 สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18–19 ตามจินตนาการของคีตกวีชาวเยอรมนี ริชาร์ด วากเนอร์ พระสหายคู่พระทัย เก็บภาพสวยบนจุดชมวิวที่สะพานแมรี่ ชมความสวยงามของป่าไม้และบ้านพักสไตล์ชาเล่ย์ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากหลายสีชมทิวทัศน์อันงดงามของตัวปราสาทที่โดดเด่นมีทะเลสาบและ      ธารน้ำล้อมรอบ ชมภายในตัวปราสาทที่ถูกสร้างอย่างวิจิตรบรรจงตามพระประสงค์ของพระองค์แม้ว่ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% เพราะการสิ้นพระชนม์อย่างมีเงื่อนงำ      ของกษัตริย์ลุดวิคที่ 2 แม้แต่ราชาการ์ตูนวอล์ทดิสนีย์ยังได้จำลองแบบไปเป็นปราสาทในเทพนิยาย อันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินสู่ลานจอดรถ   ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองแบด ไรเชนฮอล์ (BAD REICHENHALL / ระยะทาง138ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าที่พักโรงแรม    HOTEL WYNDHAM GRAND 4* หรือเทียบเท่า

วันที่สามของการเดินทาง        (3)                   แบด ไรเชนฮอล์ - ฮัลสตัท(ออสเตรีย) -กรุงเวียนนา
เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt / ระยะทาง 85 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปีนำท่านเดินเที่ยวชมเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรียและเป็นพื้นที่มรดกโลก UNESCO Cultural -Historical Heritage เพียงเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ กรุงเวียนนา (Vienna / ระยะทาง 300 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) นครหลวงแห่งดนตรี เมืองหลวงอันเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ศูนย์กลางอำนาจของจักรวรรดิออสโตร-ฮังกาเรียน
ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าที่พักโรงแรม HOTEL MERCURE WIEN WESTBAHNHOF 4* หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง (4)     เวียนนา(ออสเตรีย) –เข้าพระราชวังเชรินน์บรุนน์ –ช้อปปิ้งถนนคาร์ต เนอร์ กรุงบูดาเปสต์ (ฮังการี)- ป้อม                                              ปราการ Fisherman‘s Bastion  ล่องเรือในแม่น้ำดานูบ
เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าชม ความงดงามของพระราชวังเชรินน์บรุนน์หรือพระราชวังเหลือง ของพระนางมาเรียเทเรซ่า เป็นพระราชวังฤดูร้อนแห่งราชวงศ์ฮับสเบิร์กที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ไม่แพ้พระราชวังใดในยุโรป ซึ่งหรูหรากว่าสำนักของหลุยส์ 14 ที่แวร์ซายส์ ที่มีการตกแต่งห้องด้วยศิลปะในหลายรูปแบบทั้งบารอค,รอคโคโค หรือศิลปะประยุกต์จากทางเอเซีย และยังมีเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่างๆประดับอยู่อย่างสวยงาม นำท่านเข้าชมภายในกว่า 20 ห้องที่จัดแสดงไว้อย่างน่าชม เช่นห้องต้อนรับทูตานุทูต ห้องจัดแสดงพระราชพิธีอภิเษกสมรสอันยิ่งใหญ่ ห้องทรงบรรทม ห้องแกลลอรี่ ห้องมิลเลี่ยน ห้องไชนีส ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่ แห่งราชวงส์อัปสเบิร์ก ด้านหลังของพระราชวังยังเป็นสวนที่มีการออกแบบได้อย่างกลมกลืนอิสระให้ทุกท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งถนนคาร์ตเนอร์ถนนคนเดินที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ มากมาย ชมวิหารเซนต์สเตฟาน ซึ่งตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา และเชิญท่านเลือกซื้อสินค้าต่างๆ มากมายอย่างจุใจ เช่นรองเท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ซัคเคอร์เค้ก เค้กช็อคโกแลต ชื่อดังของเวียนนา หรือนั่งจิบกาแฟตำรับแท้
เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่นครบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี (Budapest / ระยะทาง 241 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.25 ชั่วโมง)ซึ่งในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออสโตร-ฮังกาเรียนเมืองที่มีแม่น้ำดานูบไหลผ่านกลางเมืองซึ่งแบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่งที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของประวัติศาสตร์ “บูดา” และฝั่งที่หรูหราล้ำหน้าสมัยใหม่ด้วยวิทยาการ “เปสต์” อันเป็นที่มาของชื่อเต็มของเมืองหลวงแห่งนี้จากนั้นนำท่าน ชมนครปูดาเปสท์ ซึ่งถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่งแม่น้ำดานูบแยกเป็นเมืองเก่าและใหม่ โดยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง เป็นนครที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมอันล้ำค่า ซึ่งได้รับสมญานาม “ราชินีแห่งลุ่มแม่น้ำดานูป” ท่านจะเห็นความสวยงามของ Castle Hill ในฝั่งบูดาซึ่งท่านจะได้ชมทิวทัศน์งดงามของตัวเมืองจาก Fisherman‘s Bastionป้อมปราการชาวประมงอนุสรณ์จากการสู้รบของชาวประมงกับพวกมองโกลที่รุกรานบูดาเปสท์ในช่วงปีค.ศ 1241 เมื่อเดินมาถึงจะเห็นโบสถ์ Matthias สไตล์นีโอกอธิค โบสถ์ที่เคยใช้ในการจัดพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์ฮังการีป้อมชาวประมง เป็นกำแพงที่อยู่โดยรอบโบสถ์ Matthias ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบทางด้านฝั่งบูดา สร้างขึ้นเพื่อเป็นกำแพงเมืองในระหว่างปี 1895-1902 และได้รับการฟื้นฟูบูรณะอีกครั้งในช่วงปี 1947-1948 เนื่องจากได้รับความเสียหายภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองจากนั้นนำท่าน ล่องเรือในแม่น้ำดานูบ อันลือชื่อชมความงามของทิวทัศน์และอารยธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้ว ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง "บูดา" และ "เปสต์" ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน 

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าที่พักโรงแรม  HOTEL MERCURE BUDAPEST BUDAPEST 4* หรือเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง    (5)  บูดาเบสต์ (ฮังการี) – บราติสลาวา (สโลวัค)– กรุงปราก (สาธารณรัฐเช็ก) - สะพานชาร์ลส์
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่กรุงบราติสลาวานครหลวงแห่งสาธารณรัฐสโลวัค (Bratislava / ระยะทาง 194 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านออกเดินทางต่อสู่กรุงปราก(Prague/ระยะทาง332ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30ชั่วโมง)เมืองแห่งปราสาทร้อยยอด ปรากเป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก มีประชากรราวๆ 1.2 ล้านคน  ใน ปี ค.ศ.1992  องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ ปรากเป็นเมืองมรดกโลกนำท่านตามรอยละครดัง “กลรักลวงใจ” ชมสถานที่ที่ไปถ่ายทำที่เป็นไฮไลต์สำคัญๆ ของเมืองปราก นำท่านเดินข้ามแม่น้ำวัลตาวาที่ สะพานชาร์ลส์ ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคตลอดราวสะพานมีประติมากรรมหินทรายรูปปั้นของนักบุญต่างๆถึง 30รูปซึ่งมีความงดงามและไม่ซ้ำแบบ สัมผัสเหล่าศิลปินที่นำผลงานมาแสดงอยู่ริมสองข้างสะพาน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าที่พักโรงแรม HOTEL INTERNATIONAL PRAGUE  4*  หรือเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง (6)     กรุงปราก (สาธารณรัฐเช็ก) – ปราสาทแห่งกรุงปราก – เชสกี้คลุมลอฟ    เมืองเชสกี้บูเดอโจวิช
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าปราสาทแห่งกรุงปราก สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ด้วยศิลปะแบบกอธิค เคยได้รับการรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก ว่าเป็นปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันได้เป็นที่พำนักของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเชค ชมความใหญ่โตโอ่อ่าของตัวปราสาท และโบสถ์เซนต์ไวตัส ที่เด่นเป็นสง่า แต่ละลานกว้างประดับประดาไปด้วยน้ำพุ รูปปั้นนักบุญ โบสถ์เซนต์จอร์จ และคอนแวนต์ ที่จะทำให้ท่านย้อนไปถึงความยิ่งใหญ่ของโบฮีเมียในอดีต
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลก World Heritage เพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมียที่เมืองเชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov ระยะทาง 170 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)นำท่านชมวิวทิวทัศน์ของเมืองแบบพาโนรามาบนปราสาทครุมลอฟ ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปร๊าก ให้ท่านเดินเที่ยวชมเมืองโบราณตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเชสกี้บูเดอโจวิช (Cesky Budejovice ระยะทาง 25 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าที่พักโรงแรม HOTEL CLARION CONGRESS CESKE BUDEJOVICE 4*หรือเทียบเท่า 
วันที่เจ็ดของการเดินทาง (7)             เชสกี้บูเดอโจวิช – มิวนิก (เยอรมัน)-จัตุรัสมาเรียน – ประตูเซนลิงเกอร์   พิเศษ  เมนูขาหมูเยอรมัน                                                       พร้อมเบียร์ท้องถิ่น
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่มิวนิค (MUNICH/ระยะทาง 298 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30ชม.)เมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย แคว้นตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิซาร์ เป็นศูนย์กลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเงิน การธนาคาร และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ3ของเยอรมัน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีอาร์ตแกลเลอรี่ดีที่สุดด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชมจัตุรัสมาเรียนศูนย์กลางของยุคเก่าและยุคปัจจุบันที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมกันได้อย่างลงตัวรอบๆจัตุสรัสนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยอาคารและสิ่งก่อสร้างที่สำคัญของเมืองมิวนิค ท่านสามารถมองเห็นหอคอยอิฐคู่ของวิหารเฟราเอนเคียร์เชอร์ สัญลักษณ์ของเมืองมิวนิคที่โด่ดเด่นด้วยโดมทรงหัวหอมจุกทองคำ จากนั้นนำท่านผ่านประตูเซนลิงเกอร์ (Sendlinger Tor) ประตูแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นศตวรรษใหม่ รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นซุ้มประตูโค้ง ก่อด้วยอิฐเปลือย สองข้างของประตู เป็นป้อมค่ายรูปทรงห้าเหลี่ยม พร้อมถ่ายภาพกับเฟราเอ่นเคียร์เช่อ โบสถ์พระแม่มารีทรงหัวหอมคู่ สร้างด้วยอิฐสีแดง สูง 99 เมตร เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของมิวนิค และให้ท่านอิสระช้อปปิ้ง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษ เลิศรสกับขาหมูเยอรมันต้นตำรับแท้
นำท่านเข้าที่พักโรงแรม  HOTEL NH MESSE  4* หรือเทียบเท่า
วันที่แปดของการเดินทาง       (8)                     มิวนิก (เยอรมัน) – กรุงเทพฯ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
1100 น.
ออกเดินทางสู่สนามบินนครมิวนิก เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ มีเวลาให้ท่านได้ทำ  TAX REFUND คืนภาษีก่อนการเช็คอิน
1425 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 925
วันที่เก้าของการเดินทาง        (9)                        กรุงเทพฯ
0605 น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ... โดยสวัสดิภาพ

 

เนื้อหาอื่นๆ...