EXPLORE
เที่ยวประเทศเลบานอนกันเถอะ
“ประเทศเลบานอน”
"แหล่งกำเนิดแห่งมนุษยชาติ"
และ “สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปเยือน”
เดินทางระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม – วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม 2561
 
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2561                                              สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ                               
2100 น.
คณะพร้อมกัน  ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบินอียิปต์แอร์แถว Q15 เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ จะคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการตรวจเช็คสัมภาระและบัตรโดยสารก่อนการเดินทาง
วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2561                                                กรุงเทพฯ - ไคโร – เบรุต                                
0055 น.
นำคณะออกเดินทางสู่กรุงเบรุต (Beirut) เมืองหลวงของประเทศเลบานอน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS961
0505 น.
(เวลาท้องถิ่น) คณะเดินทางถึง สนามบินนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
0845 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเบรุตเมืองหลวงของประเทศเลบานอน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS709
1100 น.
(เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน นำคณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พร้อมรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
ออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ สู่ “เมืองไซดอน”(Sidon) เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากเมืองไบบลอส และเมืองไทร์ ระยะทาง 40 กิโลเมตรเมืองไซดอนเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นำคณะชมความสวยงานด้านนอกของปราสาททะเลสร้างโดยนักรบครูเสดในปี ค.ศ.1228ตั้งอยู่ บนเกาะเล็กๆ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ ด้วยการทำสะพานหิน จุดประสงค์เพื่อให้เป็นป้อมปราการป้องกันเมือง บนป้อมแห่งนี้เคยมีหอคอยอยู่ 2 หอ และถูก “พวกมัมลุค” ทำลายเมื่อยึดเมืองไทร์ได้ เพื่อไม่ให้พวกครูเสดกลับมาใช้งานได้อีกหลังจากนั้นนำคณะเดินทางไปยังศูนย์กลางของเมืองหลวงคือกรุงเบรุตเดินทางสู่ภัตตา คาร
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2561                                           เบรุต                                             
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
 
นำคณะเดินทางสู่ “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแห่งกรุงเบรุต”(NationalMuseum Of Beirut) ชมศิลปวัตถุโบราณ และประวัติความเป็นมาของประเทศ ที่ได้เก็บรวบรวมไว้ ณ สถานที่แห่งนี้  ภาพวาดบนฝาผนังที่สวยงาม โบราณวัตถุ รูปลักษณ์ต่าง ๆ ที่ถูกขุดค้นพบในสมัยต่าง ๆ เช่นในสมัยโรมัน สมัยไบเซ็นไทม์ ฯลฯ
 
จากนั้นนำท่านไปชม “หมู่บ้านวัฒนธรรมเดอร์ เอล คามาร์”(Deir El Qamar Village) อดีตเมืองหลวงของประเทศเลบานอนในช่วง ศตวรรษที่ 16-18 (ชื่อของหมู่บ้านแห่งนี้มีความหมายว่า อารามของพระจันทร์) สถาปัตยกรรมแสดงถึงช่วงระบบศักดินา หลังคาบ้านต่างมุงด้วยกระเบื้องสีแดง ถนนแคบๆ หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลของประเทศเลบานอน ในช่วงศตวรรษที่ 15ที่มีผู้ปกครองเลบานอนนามว่า เอมิร์ ฟาคห์เรดดีน ที่ 2เข้ามามีอำนาจในช่วงปี ค.ศ. 1590หมู่บ้านนี้ประกอบไปด้วยมัสยิด และ พระราชวังประวัติศาสตร์ และอาคารบริหารราชการศตวรรษที่ 17มีโบสถ์เป็นศูนย์รวมการทำกิจกรรมของหมู่บ้าน จึงกลายเป็นศูนย์กลางของประเพณีและวรรณกรรมแห่งเลบานอน และยังเป็นหมู่บ้านแรกในเลบานอนที่จะมีการจัดการในระบบเขตเทศบาลเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1864และเป็นบ้านเกิดของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น นักเขียนและนักการเมืองเป็นต้น
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
 
นำท่านชม “พระราชวังไบเทดดีน”(Beiteddine Palace) พระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าชายอาหรับนามว่า “Bashir Shihab II”ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1788-1818 เป็นถิ่นที่อยู่ของเจ้าชายอาหรับจนกระทั่งปี ค.ศ. 1840 หลังจากนั้นอาคารถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่ชาวเติร์กเป็นที่ตั้งของรัฐบาล ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสใช้เป็นสถานที่ในการปกครองท้องถิ่น มีการบูรณะพระราชวังของเก่าหลังจากที่ได้ประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ ต่อมาปี ค.ศ. 1943 หลังจากที่ได้รับอิสรภาพพระราชวังไบเทดดีน ได้กลายเป็นพระราชวังฤดูร้อนของประธานาธิบดี สถาปัตยกรรมของพระราชวังไบเทดดีน จัดได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของงานสถาปัตยกรรมในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ของเลบานอน
 
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2561                     เบรุต - เมืองเชคก้า - เมืองบิบลอส - เบรุต              
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
 
นำท่านออกเดินทางตามทางหลวงที่เลียบชายฝั่งทะเลที่สวยงามผ่าน เมืองเชคก้าระหว่างทางท่านจะได้ชมความงามของภูมิทัศน์ภูเขาที่สวยที่สุดในเลบานอน ชม หุบเขาคาดิชา”ซึ่งบางครั้งเรียกว่าหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ วาดีคาดิชาเป็นหนึ่งในชุมชนทางศาสนายุคคริสต์ศาสนาตอนต้นที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อารามในคริสต์ศาสนาหลายแห่งมีอายุเก่าแก่มาก ตั้งอยู่บนภูมิทัศน์อันขรุขระของขุนเขาอย่างน่าทึ่ง ผ่านชม “ป่าต้นซีดาร์”ต้นซีดาร์มีคุณค่าสูงยิ่งในยุคโบราณ โดยเป็นวัสดุก่อสร้างศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่หลายแห่งในบริเวณป่าแห่งนี้ต้นซีดาร์บางต้นมีอายุกว่า 1,000 ปี อีกทั้งยังถือเป็นต้นไม้ประจำชาติของเลบานอน และต้นซีดาร์ยังปรากฏเป็นสัญลักษณ์ตรงกลางธงชาติเลบานอนอีกด้วย และได้รับความคุ้มครองยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1998 จากนั้น นำท่านชม “พิพิธภัณฑ์โกบรานคาลิโกบราน”นักกวีชื่อดังของโลกมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองบชาร์ริ ก่อนย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในอเมริกา โกบรานคาลิ สามารถแต่งบทกวีได้ทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ แม้เขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างถิ่นแต่ก็ไม่เคยลืมความรักในชาติพันธุ์ของเขา เขาสิ้นชีวิตลง ณ นครนิวยอร์คและร่างของเขาได้ถูกนำกลับมายังบ้านเกิดเมืองบซาร์ริ ซึ่งภายหลังได้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อแสดงชีวประวัติ ท่านเป็นบุคคลสำคัญของชาวเลบานอน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
 
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ “เมืองบิบลอส”เมืองเก่าซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโลกที่มีผู้อยู่อาศัยติดต่อกันมาประมาณ 7,000 ปี และเป็นท่าเรือแห่งแรกของโลก เชื่อว่าตัวกำแพงเมืองถูกสร้างขึ้นในยุค Bronze Age (2,800 ปีก่อนคริสต์กาล) โดยชาวฟีนีเชียน ซึ่งเป็นพ่อค้ากลุ่มแรกๆของโลกด้วย คามสำคัญดังกล่าวจึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1984จากนั้นนำชมเมืองโบราณริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาทิ ป้อมโบราณสร้างโดยนักรบชาวครูเซด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1108 โดยใช้หินจากโบราณสถานของเยอรมันและอาหรับ ตัวเมืองถูกบูรณะเมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากตัวป้อมเราสามารถชมซากเมืองเก่าอายุหลายพันปี
ค่ำ
นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันจันทร์ ที่ 7 พฤษภาคม 2561                              เบรุต – ถ้ำไจต้า – เบรุต
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ “ถ้ำไจต้า”(Jeita Grotto)ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร  โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ภายในถ้ำมีการปูทางเดินซีเมนต์เดินชมได้บางส่วนยื่นเข้าไปในเหวลึก ตัวถ้ำขนาดใหญ่ถูกค้นพบใน ค.ศ. 1836 โดยมิชชันนารีชาวอเมริกัน ตัวถ้ำแบ่งเป็น 2 ส่วน ที่มีส่วนเชื่อมถึงกัน แบ่งเป็นถ้ำด้านบนและด้านล่างซึ่งต้องนั่งเรือเข้าชม ตัวถ้ำมีความยาวประมาณ 9 กิโลเมตร ภายในมีน้ำสะอาดซึ่งกลายเป็นแหล่งน้ำดื่มของชาวเลบานอน และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในถ้ำที่สวยที่สุดในโลก
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ “อนุสาวรีย์พระแม่มารี” ที่ทำจากทองสำริดทาสีขาว ตั้งอยู่บนยอดเขาฮาริสสา หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า สุภาพสตรีแห่งเลบานอน สร้างเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยประเทศฝรั่งเศส สูง 8.5 เมตร หนักกว่า 13 ตันชมทัศนียภาพของ “อ่าวจูเนี่ยห์”(Jounieh bay) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีและสวยที่สุดของเลบานอน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
วันอังคาร ที่ 8 พฤษภาคม 2561                       เบรุต – แอนจาร์ – บาลเบค – คซารา - เบรุต           
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางข้ามเขาเลบานอน เพื่อเดินทางสู่ “เมืองแอนจาร์”(Anjar) เมืองขนาดเล็กที่ในอดีตรุ่งเรืองที่สุดในยุคมุสลิม ราชวงศ์อูมเมยาร์ดเข้าปกครองในสมัยของกาหลิบวาลิดที่ 1ในช่วงปี ค.ศ. 705ชมพระราชวังโบราณ โรงอาบน้ำ ร้านค้าต่างๆที่มีมากกว่า 600ร้านค้า ที่แสดงให้เห็นว่าเมืองอันจาร์แห่งนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าในสมัยโบราณ
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่ “เมืองบาลเบค”(Baalbeck) ศาสนสถานของโรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเลบานอน วิหารประกอบด้วย วิหารแรกสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้า Jupiter พระบิดาแห่งเทพเจ้าทั้งปวง เป็นวิหารขนาดใหญ่มหึมาความยาว 274 เมตร มีเสาขนาดความสูง 22 เมตร (สูงที่สุดในโลก) ล้อมรอบ 54 ต้น (ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ต้นเนื่องจากแผ่นดินไหว และถูกนำไปใช้งานที่อื่น เช่น ไปใช้ในโบสถ์เซนต์โซเฟียที่อิสตันบูล 8 ต้น) และวิหารอีกแห่งที่มีขนาดเล็กกว่า (แต่ยังใหญ่กว่าวิหาร Parthenon ที่เอเธนส์) สร้างถวายแก่เทพเจ้า Bacchus (เทพเจ้าแห่งเหล้าไวน์) และ Venusวิหารแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานในแบบคอรินเธียนที่งดงามที่สุดในโลก คาดว่าสร้างในระหว่างปี ค.ศ. 193-217 โดย “จูเลียส ซีซาร์ เซพติมิอุส” และคาราคาลา ความยิ่งใหญ่จะเห็นได้จาก ซากหินแกรนิตที่นำมาจากอียิปต์ เป็นหินตัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความยาว 27.5 เมตร กว้าง 4.2 เมตร ลึก 4.8 เมตร น้ำหนักกว่า 1,000 ตัน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1984
จากนั้นนำท่านชม “ถ้ำธรรมชาติแหล่งผลิตไวน์”ที่คซารา ซึ่งอยู่ในหุบเขาเบคกา ในยุคที่ชาวฟินิเชียนล่องเรือทำการค้ากับลาบานอนก็ได้นำไวน์ของเลบานอนออกขายให้กับชาวอิตาลี และสเปนบริเวณหุบเขาเบคกาเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ จึงทำให้มีการปลูกองุ่นหลากสายพันธุ์ที่เหมาะแก่การทำไวน์ชั้นเลิศ
ค่ำ
นำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันพุธ ที่ 9 พฤษภาคม 2561                                                   เบรุต –ไคโร                                                 
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่ย่านใจกลางเมืองเบรุต ซึ่งกำลังบูรณะฟื้นฟูให้งดงามเหมือนเดิมหลังผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมืองเบรุตมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี โดยการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี ปรากฏหลักฐานของชาวฟินิเชีย อารยธรรมเฮลเลนิสติก เปอร์เซีย โรมัน อาหรับ และออตโตมัน (ทั้งยังถูกกล่าวถึงเป็นลายลักษณ์อักษรในจดหมายที่ส่งถึงกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ในสมัยศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาลอีกด้วย) หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองเบรุตได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา จึงได้รับการจัดอันดับจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ว่าเป็นสุดยอดสถานที่ที่ควรไปเยือนในปี 2009 ปัจจุบันเป็นทั้งเมืองหลวง ศูนย์กลางการบริหารวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ของประเทศเลบานอน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านสู่ “ย่านคอร์นิช”เดินชมสองข้างทางเต็มไปด้วยภัตตาคารและร้านกาแฟ แวะถ่ายภาพกับ หินรูปนกพิราบเป็นหินที่ถูกธรรมชาติกัดกร่อนเป็นโพรงริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเบรุต ชมย่านการค้าบริเวณริมชายฝั่งทะเล สถานที่พักผ่อนเดินเล่นของชาวเมืองเบรุต
1700 น.
ได้เวลาพอสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติเบรุต-ราฟิค ฮารีรี่ กรุงเบรุต 
2015 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบิน MS712
2045 น.
เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
2245 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS960
วันพฤหัสบดี ที่ 10 พฤษภาคม 2561                            กรุงเทพฯ                                        
1230 น.
(เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) โดยสวัสดิภาพ

 

อัตราค่าบริการ              ***ราคา ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561
 
ผู้ใหญ่พักห้องคู่          ราคาท่านละ                          67,500    บาท
พักเดี่ยว                     จ่ายเพิ่มท่านละ                       7,500    บาท     
 
**ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกการเดินทางในกรณีที่ผู้เดินทางต่ำกว่า 15 ท่าน  
**ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหากสายการบินมีการเรียกเก็บภาษีน้ำมันและ
ภาษีสนามบินเพิ่มเติม
 
อัตราค่าบริการรวม
 
  • ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดไป-กลับ กรุงเทพฯ – เลบานอน – กรุงเทพ โดยสายการบิน EGYPT AIR
  • ค่าโรงแรมที่พักตามที่ระบุในรายการระดับ 4 ดาว (พักห้องละ 2 ท่าน)
  • อาหารทุกมื้อตามที่ระบุในรายการ และน้ำดื่มสะอาดตลอดการเดินทาง
  • ค่ารถโค้ชปรับอาการตลอดการเดินทาง
  • ค่าเข้าชมสถานที่ที่ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าวีซ่าประเทศเลบานอนแบบหมู่คณะ
  • หัวหน้าทัวร์คนไทยที่เดินทางไป กลับ พร้อมคณะเพื่อคอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ
  • ประกันภัยในการเดินทาง ตามที่ระบุในกรมธรรม์
 
อัตราค่าบริการไม่รวม
 
  • ค่าทำหนังสือเดินทาง
  • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินสายการบินกำหนด
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 %
  •  ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ท่าน สั่งมาทานนอกเหนือจากรายการ
  •  ค่ามินิบาร์ โทรศัพท์ ฯลฯ  ในโรงแรม
  •  ค่าทิปหัวหน้าทัวร์คนไทยที่เดินทางไปกับคณะ
  • ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่ระบุไว้ในรายการ
หมายเหตุ
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้และจะไม่รับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่สูญหาย สูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บที่นอกเหนือความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์ และเหตุสุดวิสัยบางประการ เช่น การนัดหยุดงาน ภัยธรรมชาติ การจลาจล ต่างๆ
§  เนื่องจากรายการทัวร์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆตามรายการ หรือ ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในทุกกรณี
§  เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของบริษัทฯ หรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆ
§  กำหนดการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เพื่อความเหมาะสม ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะยึดถือผลประโยชน์ ตลอดจนความปลอดภัยของคณะผู้เดินทางเป็นสำคัญ    
§  ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่ท่านถูกปฏิเสธเข้าเมือง โดยด่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทยและเวียดนาม
§  สำหรับ ผู้โดยสาร ที่ไม่ได้ถือ PASSPORT ไทย หรือ PASSPORT ต่างด้าว ผู้โดยสารต้องรับผิดชอบเรื่องเอกสาร (VISA) หรือ การแจ้งเข้าแจ้งออกประเทศไทยเอง ทางบริษัทฯ ทัวร์ จะไม่รับผิดชอบในกรณี ที่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยปฏิเสธในการเข้าและออกจากประเทศ
§  การท่องเที่ยวประเทศเวียดนามนั้นจะต้องมีการเข้าชมสินค้าของทางรัฐบาล เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวดังกล่าว คือ ร้านยา ร้านมุก ร้านขนม เป็นต้น หากท่านใดไม่เข้าร้านดังกล่าวจะต้องจ่ายค่าทัวร์เพิ่มทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว
 
 

 


                                 

 

                                 

 

                                         

   

                      

 
อัตราค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่
 
ราคาสำหรับผู้เดินทาง 
ผู้ใหญ่พักห้องคู่ (ห้องละ 2ท่าน) ท่านละ                                    81,900 บาท
     ในกรณีที่เดินทางคนเดียว ห้องพักเดี่ยว เพิ่มท่านละ                        18,500 บาท
 
*** ราคาและรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะของเงินบาทที่ไม่คงที่ / การเปลี่ยนแปลงเวลาของ
สายการบิน / สภาวะทางอากาศซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ทางบริษัทฯ จะยึดถือผลประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ ***
 
อัตราค่าบริการนี้รวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-เตหะราน-กรุงเทพฯ โดยสายการบินมาฮานแอร์ และตั๋วเครื่องบินภายใน ชั้นประหยัด
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง และค่าประกันภัยสายการบิน
  • ค่าธรรมเนียมวีซ่า สำหรับหนังสือเดินทางไทย
  • ค่าโรงแรมที่พัก ระดับมาตรฐาน 4ดาว 5ดาว หรือเทียบเท่า (พักห้องละ 2ท่าน)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ และค่าน้ำดื่ม วันละ 1ขวด/ท่าน
  • ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในโปรแกรม
  • ค่าพาหนะในการนำเที่ยว ตลอดการเดินทาง
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น, คนขับรถ 
  • มัคคุเทศก์ท้องถิ่น (พูดภาษาอังกฤษ) และหัวหน้าทัวร์คนไทย ตลอดการเดินทาง
  • ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในวงเงินท่านละ 1,000,000บาท
 
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าเครื่องดื่มในห้องพัก และค่าอาหารที่สั่งมาในห้องพักค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษในร้านอาหารนอกเหนือจากที่ทางบริษัทจัดให้ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีพิเศษ เช่น หากท่านทานได้เฉพาะอาหารทะเลเพียงอย่างเดียว ท่านต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
  • ค่าทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)
  • ค่าจัดทำเอกสาร และค่าธรรมเนียมวีซ่าของคนต่างด้าว
  • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางที่เกินกว่าสายการบินกำหนด (20กก./ท่าน)
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (หากมีการปรับขึ้น)
* บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 15 ท่าน 

เที่ยวประเทศเลบานอนกันเถอะ

“ประเทศเลบานอน”

"แหล่งกำเนิดแห่งมนุษยชาติ"

และ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปเยือน

เดินทางระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม – วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม 2561

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2561                                     สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ                               
2100 น.

คณะพร้อมกัน  ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบินอียิปต์แอร์แถว Q15เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ จะคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการตรวจเช็คสัมภาระและบัตรโดยสารก่อนการเดินทาง

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2561                       กรุงเทพฯ - ไคโร – เบรุต                                
0055 น. นำคณะออกเดินทางสู่กรุงเบรุต (Beirut) เมืองหลวงของประเทศเลบานอน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS961
0505 น. (เวลาท้องถิ่น) คณะเดินทางถึง สนามบินนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
0845 น. ออกเดินทางต่อสู่กรุงเบรุตเมืองหลวงของประเทศเลบานอน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS709
1100 น.

(เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน นำคณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พร้อมรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

ออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ สู่ “เมืองไซดอน”(Sidon) เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากเมืองไบบลอส และเมืองไทร์ ระยะทาง 40 กิโลเมตรเมืองไซดอนเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นำคณะชมความสวยงานด้านนอกของปราสาททะเลสร้างโดยนักรบครูเสดในปี ค.ศ.1228ตั้งอยู่ บนเกาะเล็กๆ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ ด้วยการทำสะพานหิน จุดประสงค์เพื่อให้เป็นป้อมปราการป้องกันเมือง บนป้อมแห่งนี้เคยมีหอคอยอยู่ 2 หอ และถูก “พวกมัมลุค” ทำลายเมื่อยึดเมืองไทร์ได้ เพื่อไม่ให้พวกครูเสดกลับมาใช้งานได้อีกหลังจากนั้นนำคณะเดินทางไปยังศูนย์กลางของเมืองหลวงคือกรุงเบรุตเดินทางสู่ภัตตาคาร

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก ณ Midtown Hotelระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   

 

 
GRAND IRAN TOUR PROGRAM
นำท่านเดินทางเยือนหนึ่งใน อาณาจักรเปอร์เซีย ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต
ประเทศอิหร่าน
เดินทาง ระหว่างวันศุกร์ ที่  25 พฤศจิกายน –วันอังคารที่ 3 ธันวาคม 2559
 
วันศุกร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2559                             กรุงเทพฯ-เตหะราน 
1900 น.
คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ณ เคาน์เตอร์สายการบินมาฮาน แอร์ ชั้น 4ประตูทางเข้าที่ 8แถว S โดยมีเจ้าหน้าที่ของ      บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและตรวจเอกสารการเดินทางคณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ณ เคาน์เตอร์สายการบินมาฮาน แอร์ ชั้น 4ประตูทางเข้าที่ 8แถว S โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและตรวจเอกสารการเดินทาง
2050 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยสายการบินมาฮาน แอร์ เที่ยวบินที่ W5-050 (ใช้เวลาบินประมาณ 7.30ชม./รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
วันเสาร์ ที่ 26 พฤศจิกายน 2559                                เตหะราน
0230 น.
(เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินนานาช่าติ อิหม่ามโคไมนี่ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน (สุภาพสตรีกรุณาใช้ผ้าคลุมผมด้วยค่ะ)
นำคณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว ออกเดินทางโดยรถโค้ชเข้าสู่โรงแรมที่พัก ในกรุงเตหะราน เช็คอิน ณ โรงแรม  Azadi Parsian Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
1000 น.
นำคณะเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมที่พัก
(โปรดเตรียมกระเป๋าเล็กพร้อมสัมภาระสำหรับพักค้างคืน 1 คืนที่เมืองราชท์ Rasht ส่วนกระเป๋าใบใหญ่จะฝากไว้ที่โรงแรม)
นำท่านเที่ยวชมความสวยงามของ กรุงเตหะราน (Tehran) เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน ตั้งอยู่ ทางด้านทิศใต้ของเทือกเขาอัลโบร์ช ที่พาดผ่านจากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือไปยังตะวันออก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000เมตร สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.900จากเดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ และได้ถูกพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองอีกทั้งมีการตกแต่งปลูกต้นไม้ให้ดูสวยงามมาโดยตลอดทุกรัชสมัย
ชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอิหร่าน (National Museum)ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 70 ปี ไม่ใช่เป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกที่มีโบราณวัตถุหลายยุคหลายสมัยจัดแสดงไว้ที่นี่มากกว่า 300,000 ชิ้น จึงเป็นสถานที่ที่ นักท่องเที่ยวจากต่างแดนจะได้เริ่มต้นทำความรู้จักกับคนอิหร่านและความมาของอดีตอาณาจักรเปอร์เซีย
1230 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารท้องถิ่น)
หลังอาหารกลางวัน นำท่านชมพระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace)ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งหลังการปฏิวัติโดยอิหม่ามโคไมนี  พระราชวังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกปล่อยทิ้งร้างอย่างน่าอัปยศอดสูเช่นเดียวกับพระราชวังแห่งอื่นๆ  เพิ่งจะมีการบูรณะเมื่อเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งราวๆ ห้าปีที่ผ่านมานี่เอง  อย่างไรก็ตาม วังแห่งนี้ก็ยังคงความงดงามในการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงา
ตัดเหลี่ยมแบบเดียวกับเพชร และการตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีสีสันและลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์  ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวังแห่งนี้ก็ด้วยกษัตริย์องค์หนึ่งของราชวงศ์กอญัรคือ Nasser Al-Din Shah (1848-1896) โปรด          ให้สร้างและตกแต่งวังแห่งนี้ในศิลปะแบบยุโรปจากพระราชวังโกเลสตานใจกลางกรุงเตหะราน
นำคณะเดินทางสู่ท่าอากาศยานเมห์ราบัด (Mehrabad Airport) ซึ่งเป็นท่าอากาศยานสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ชานกรุงเตหะรานทางด้านตะวันตกเฉียงใต้
1645 น.
ออกเดินทางสู่เมืองราชท์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสายแคสเปี้ยน โดยสายการบินอิหร่านอเซอร์มันเที่ยวบินที่ EP 844 ทะเลแคสเปียน เป็นทะเลปิดที่อยู่ระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป มีเนื้อที่ผิวน้ำประมาณ 371,000 ตารางกิโลเมตร และจุดลึกที่สุดลึกประมาณ 980เมตร มีลักษณะร่วมของทั้งทะเลและทะเลสาบบางครั้งจึงได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลแคสเปียนเป็นพรมแดนของประเทศรัสเซีย ประเทศอาเซอร์ไบจาน ประเทศอิหร่าน ประเทศเติร์กเมนิสถาน และประเทศคาซัคสถาน
1745 น.
เดินทางถึงเมืองราชท์ นำคณะเข้าสู่ภัตตาคาร
1900 น.
รับประทานอาหารค่ำ
นำคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก  ณKadus Hotel
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2559                        ราชท์ – หมู่บ้านมาซูเล่ห์ – กรุงเตหะราน                            
0700 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0800 น.
หลังอาหารเช้านำคณะเดินทางขึ้นสู่ เทือกเขาอัลโบร์ซอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโบราณที่ชื่อ “มาซูเล่ห์” (Masuleh Village) ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน จะมีทัศนียภาพที่งดงามเป็นพิเศษไม่แพ้ในยุโรปหรือเกาหลีและแม้กระทั่งญี่ปุ่น ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อที่สุดของอิหร่านในฤดูใบไม้ร่วง  ตัวหมู่บ้านมาซูเล่ห์เองก็สวยงามกลมกลืนกับธรรมชาติที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาและแมกไม้ แต่ก็มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เพราะตัวหมู่บ้านนั้นขึ้นไปวางแหมะอยู่บนช่วงกลางระหว่างไหล่เขาอย่างพอดิบพอดี
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารใกล้หมู่บ้านมาซูเล่ห์
บ่าย
นำคณะเดินทางกลับสู่กรุงเตหะรานโดยทางรถยนต์ ซึ่งจะผ่านทั้งย่านภูเขา ทุ่งเกษตรรอบๆ ทะเลสาบแมนจิลที่ปลูกมะกอกกันอย่างเอิกเกริก และผ่านอดีตเมืองหลวงในยุคต้นของราชวงศ์ซาฟาวิดนั่นคือเมืองก๊าซวิน จนกระทั่งกลับเข้าสู่เตหะรานอีกครั้งหนึ่ง
1930 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในเมืองเตหะราน
หลังอาหารนำคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ  Enghelab Hotelระดับ 5 ดาว 
วันจันทร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2559                                      เตหะราน – ยาซ์ด
0730 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0830 น.
นำคณะออกเดินทางสู่ตอนเหนือของกรุงเตหะรานซึ่งติดกับเชิงเขาอัลโบร์ซ เพื่อนำท่านเข้าชมพระราชวังเนียวาราน(Niavaran Palace)ซึ่งเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ประกอบไปด้วยตัวตึกหลายแห่งรวมทั้งพิพิธภัณฑ์ ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 19ยุคของกษัตริย์นาเซียร์ อัล ดินชาห์แห่งราชวงศ์กอจาร์ ใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน แต่ต่อมาได้ถูกสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จในปี ค.ศ.1968อดีตเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ชาห์ทั้งสองพระองค์แห่งราชวงศ์ ปาห์เลวีของอิหร่าน ก่อนที่จะถูกปฏิวัติโดยอะยาตุลเลาะห์โคไมนีเมื่อต้นปีค.ศ.1979  พระราชวังแห่งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่คณะปฏิวัติอ้างว่าเป็นสัญลักษณ์ของตะวันตกที่มีอำนาจเหนือกษัตริย์ชาห์ และยังแสดงถึงความฟุ้งเฟ้อของราชวงศ์อย่างชัดเจนที่สุดแต่บางส่วนก็บอกว่าเป็นสิ่งบ่งบอกความเจริญรุ่งเรืองและทัน สมัยของประเทศอิหร่านซึ่งไม่น้อยหน้าชาติตะวันตก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิหร่านที่มีชื่อเสียงคือโมห์เชน โฟโรกี
เที่นง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองคาชาน
บ่าย
นำท่านชมกรุอภิมหาสมบัติที่ พิพิธภัณฑ์อัญมณี (Jewelry Museum) ซึ่งอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารกลางCห่งชาติอิหร่านใจกลางกรุงเตหะราน  ที่นี่คือที่เก็บรวบรวมอัญมณีจากทุกยุคทุกสมัย ของกษัตริย์ทุกราชวงศ์ที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซีย (ยกเว้นราชวงศ์แรก)จนกระทั่งกลายมาเป็นประเทศอิหร่านในปัจจุบันที่มีจำนวนมากมายที่สุด อลังการที่สุดในโลกคนส่วนใหญ่มักใฝ่ฝันที่จะได้มาชมเพชรสีชมพูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกน้ำหนัก 182 กะรัตและบัลลังก์นกยูงอันลือชื่อ ซึ่งความจริงแล้วยังมีสิ่งมีค่าอื่นๆ อีกเหลือคณานับรอท่านอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
1930 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานเมห์ราบัด (Mehrabad Airport) ซึ่งเป็นท่าอากาศยานสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ
2055 น.
ออกเดินทางสู่เมืองชีราส โดยสายการบินอิหร่านแอร์เที่ยวบินที่ IR 298
2205 น.
เดินทางถึงเมืองชีราส นำคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ “Pars Hotel” หรือ เทียบเท่า
วันอังคาร ที่ 29 พฤศจิกายน 2559                                       เมืองชีราส
0700 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0800 น.
นำท่านชมมัสยิดสีชมพู (Nasir-Ol Molk)ซึ่งเป็นมัสยิดที่สวยงามแปลกตามาก เพราะประดับไปด้วยกระเบื้องโทนสีแดง-ชมพู-เหลือง เป็นสีหลัก ไม่ว่าท่านจะมองจากมุมไหนของมัสยิดแห่งนี้ก็ดูสวยงามอ่อนหวาน ซึ่งไม่เหมือนมัสยิดแห่งใดเลย จากนั้นนำท่านเที่ยวชมคฤหาสน์ โบราณ(Naranjestan-e Ghavam) ซึ่งมีอายุมากกว่า 125 ปี โดยก่อสร้างในสมัยราชวงศ์กอญัร ระหว่างปี 1879-1886 ที่ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมโบราณประจำยุคกอญัรเลยทีเดียว ซึ่งท่านจะได้เห็นทั้งตัวคฤหาสน์และรูปแบบของสวนเปอร์เซียที่ร่มรื่นและสวยงามในเวลาเดียวกันอีกด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำชม อนุสรณ์สถานของท่านศาสนจารย์อาลี อิบบิน(Imamzadeh ye Ali Ebn-E Hamze)ที่ตกแต่งสวยงาม ด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมแบบเพชร ที่ระยิบระยับ ภายใต้โดมประธาน ที่มีรูปทรงสวยงามเช่นเดียวกัน สถานที่แห่งนี้ คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวมุสลิม ให้ความเคารพอย่างยิ่ง การเข้าชมสถานที่แห่งนี้ ต้องถอดรองเท้า และแยกประตูระหว่างหญิง-ชาย ทั้งเข้าและออก และสุภาพสตรี ต้องรับผ้าคลุมยาวจากเจ้าหน้าที่ เพื่อคลุมศีรษะลงมาจรดเท้า จากนั้นเดินเยี่ยมชม และคารวะ อนุสรณ์สถานของท่านฮาเฟซ(Aramgah – E Hafez) นักปรัชญาเมธีของเปอร์เชียแห่งเมืองชีราช ในยุคศตวรรษที่ 12 อนุสรณ์ของท่าน สร้างในปี 1773 โดยท่านการิมข่านแห่งราชวงศซัน ภายในสวนสวยขนาดเล็กแห่งนี้คราคร่ำไปด้วยชาวอิหร่านจากต่างเมือง และชาวเมืองชีราซเองซึ่งล้วนแต่ต้องหาโอกาสมาคารวะสถานที่แห่งนี้เสมอ จากนั้นชม ป้อมการิมข่าน(Karim Khan Citadel) หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า “Ark-E Karim Khan” สร้างโดยท่านการิมข่านแห่งราชวงศ์ซันในช่วงที่ท่านสถาปนาเมืองชีราช ให้เป็นเมืองหลวงของอณาจักรเปอร์เชียในช่วงปี ค.ศ 1750-1795 ผนังของป้อมแห่งนี้สูงถึง 14 เมตร สร้างด้วยอิฐ เรียงให้เป็นลายสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์นำท่านเดินจากป้อมการิมข่านไปชมตลาดวาคิล บาซาร์ (Vakil Bazaar)ที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งบาซาร์แห่งนี้เป็นตลาดคู่บ้านคู่เมืองที่มีหลังคาคลุมขนาดใหญ่ใจกลางเมืองชีราซ โครงสร้างของบาซาร์ก่อด้วยอิฐแดงแบบเรียงชิ้นมีหลังคาเป็นทรงโดม ติดต่อกันหลายร้อยเมตร และในบาซาร์แห่งนี้ประกอบไปด้วยสิ้นค้า มากมาย ให้จับจายใช้สอย ผู้คนคึกคักตลอดทั้งวัน ท่านสามารถ หาของฝาก  จากตลาดแห่งนี้ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ ของกิน มากมาย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ  “Pars Hotel”ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า ณ เมืองชีราช
นพุธ ที่ 30 พฤศจิกายน 2559                         ชีราซ-เปอร์ซีโปลิส-นัคเชรอสตัม-อิศฟาฮาน
0700 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0800 น.
ออกเดินทางสู่พระราชวังโบราณ “เปอร์ซีโปลิส (Persepolis)” ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเมืองชีราซขึ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมง พระราชวังแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นแห่งที่สองนับตั้งแต่สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียขึ้นเมื่อปี 559ก่อนคริสตกาล(พระราชวังแห่งแรกคือพาซากาดสร้างโดยกษัตริย์ไซรัสมหาราช)เริ่มสร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราช ในปี 512ก่อนคริสตศักราช  หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในอีก 5รัชกาลต่อมา แต่ก็ยังไม่เคยเสร็จสมบูรณ์  จนกระทั่งมาถูกยึดครองและเผาทำลายอย่างย่อยยับโดยกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งอาณาจักรกรีซในปี 330ก่อนคริสตศักราช  แต่กระนั้นก็ตาม พระราชวังแห่งนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์อันยิ่งใหญ่ตลอดกาลทั้งความใหญ่โตโอฬารของตัวพระราชวังและความอลังการทางด้านสถาปัตยกรรม ในเวลา 2  ชั่วโมงของการเที่ยวชมพระราชวังเปอร์ซีโปลิสแห่งนี้
เที่ยง
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านแวะชม  สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพระราชวังเปอร์ซีโปลิส   ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 10กิโลเมตรเท่านั้น  นั่นคือ นครหลังความตาย “นัค-เช รอสตัม(Naqsh-e rostam)” หรือ สุสานสี่กษัตริย์ นั่นเองที่นี่เป็น สุสานของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์อะคามินิดที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซียและเคยเป็นที่ประทับที่พระราชวังปอร์ซีโปลิสก่อนที่จะสวรรคต แต่ด้วยความเชื่อตามหลักคำสอนของศาสนาโซโรแอสเตอร์ว่า หลังจากสิ้นชีวิตจากความเป็นมนุษยโลกแล้วชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไป เพียงแต่จะต้องไปสู่อีกโลกหนึ่งในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องสร้างสุสานแห่งนี้ให้มีความยิ่งใหญ่อลังการเช่นเดียวกับพระราชวังที่กษัตริย์เหล่านั้นเคยประทับมาก่อน และที่ไม่ธรรมดาก็คือ  เป็นสุสานที่ขุดเจาะเข้าไปเป็นห้องขนาดใหญ่บนหน้าผาหินซึ่งอยู่สูงจากพื้นถึง 20เมตรและยังมีการแกะสลักหินส่วนหน้าให้มีความงดงามอีกด้วยได้เวลาพอสมควรแล้วนำท่านเดินทางกลับ สู่เมืองอิศฟาฮาน(Esfahan) เมืองหลวงของจังหวัดอิศฟาฮาน  และยังเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เชียในศตวรรษที่ 16-18ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาฟาวิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรเปอร์เชียรุ่งเรือง สูงสุดอีกยุคหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการค้าขาย และเมืองอิศฟาฮาน เองก็ได้กลายเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดถึง 500,000คน
ค่ำ
 รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พัก ณ  Aliqapu Hotelหรือ ระดับ 4ดาว ในเมืองอิศฟาฮาน หรือเทียบเท่า
วันพฤหัสบดี ที่  1 ธันวาคม 2559                อิศฟาฮาน-มัสยิดอิหม่าม-พระราชวังอะลีคาปู-สะพานคาจู
0800 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0900 น.
เข้าชม “พระราชวังเชเฮลโซตุน(Chehel Sotun Palace)” สร้างในปี ค.ศ.1614 สมัยชาห์อับบาสที่ 1 มาแล้วเสร็จในปี1647 สมัยกษัตริย์ชห์อับบาสที่2เพื่อใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและงานสังสรรค์ต่างๆ  โดยเลียนแบบสถาปัตยกรรมในแบบอะคามินิดซึ่งเป็นยุคแรกของเปอร์เซีย แต่ใช้เสาคอลัมน์เป็นเสาไม้แทนหิน  มีเสาไม้สูงที่โถงด้านหน้า 20ต้นซึ่งทอดเงาลงไปบนผืนน้ำที่ใสนิ่งในสระซึ่งอยู่ด้านหน้าวัง  นับทั้งต้นเสาจริงและเงาที่สะท้อนอยู่ในผืนน้ำอีก 20 ต้นรวมเป็นเสา40ต้นตรงตามความหมายของชื่อพระราชวัง  ในห้องโถงด้านในของเชเฮลโซตุน มีภาพเขียนแบบเฟรสโกขนาดใหญ่หลายภาพที่มีชื่อเสียงโดยฝีมือของศิลปินประจำยุคซาฟาวิด  ส่วนรอบๆ ตัววังนั้นร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ใหญ่น้อยที่อยู่รายรอบ  จึงถือเป็นต้นแบบของสวนแบบเปอร์เซียที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
จากนั้นนำท่านเดินไปยัง “จัตุรัสอิหม่ามหรือนัคชิญะฮาน (Naqshe Jahan Square)” ที่อยู่ใกล้กันชื่อจตุรัสแห่งนี้มีความหมายว่า “รูปแบบแห่งโลก” สร้างขึ้นในปี 1602 โดยกษัตริย์ ซาห์อับบาส ที่ 1 นับเป็นจัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากจัตุรัส เทียนอันเหมิน ที่กรุงปักกิ่ง ด้วยขนาดความกว้าง 163 เมตร และยาว 512 เมตร โดยมีอาคารร้านค้าและสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวของยุคซาฟาวิดอยู่รายรอบจัตุรัสทุกด้าน ท่านจะได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมเหล่านี้อย่างเต็มที่จนกระทั่งสิ้นแสงสุดท้ายของวัน
ชม “มัสยิดอิหม่าม(Imam Mosque)” ตั้งอยู่ปลายสุดทางด้านทิศใต้ของจัตุรัส  เป็นหนึ่งในมัสยิดที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  เริ่มสร้างในปีค.ศ.1611 สมัยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 และเสร็จสมบูรณ์ในอีก 4 ปีต่อมา  นอกจากขนาดที่ใหญ่โตโอฬารแล้ว ยังเป็นมัสยิดที่มีองค์ประกอบทางด้านสถาปัตย์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิหร่าน  โดยเฉพาะโดมประธานขนาดมหึมาที่สร้างคร่อมกันเป็นสองชั้นขนานกันตลอดทุกตารางนิ้ว  ซึ่งมีผลต่อการระบายอากาศและการกระจายของเสียงผู้นำสวดให้แผ่ออกไปจนได้ยินอย่างชัดเจนในทุกซอกทุกมุมของมัสยิดโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านชม “พระราชวังอะลีคาปู (Ali Qapu Palace)”สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของจัตุรัสอิหม่าม  เป็นอาคารสูง 6 ชั้นที่ใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างบนชั้น 3 ของพระราชวังสร้างเป็นห้องโถงใหญ่และมีระเบียงหันหน้าเข้าหาจัตุรัสอิหม่ามสำหรับพระมหากษัตริย์และพระ         ราชวงศ์ไว้ประทับทอดพระเนตรการละเล่นต่างๆ  และปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพมุมสูงที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทุกมุมและทุกอย่างที่อยู่บนจัตุรัสได้อย่างชัดเจนจากนั้นเข้าชมมัสยิดชีค-ล็อตฟุลเลาะห์(Sheikh Lotfollah Mosque)ซึ่งเป็นมัสยิดเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้นที่จะเข้ามาทำการละหมาดได้  สร้างโดยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ระหว่างปีค.ศ. 1602-1619  ขึ้นชื่อว่าวิจิตรสวยงามที่สุดในการตกแต่งภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โดมประธานซึ่งอยู่ตรงกลางหลังจากนั้นให้ท่านมีเวลาช้อปปิ้งหรือถ่ายภาพบริเวณจตุรัสอิหม่ามตามอัธยาศัยจนกระทั่งถึงเวลานัดหมาย แล้วนำท่านชมสะพานคาจู (Khaju Bridge)เป็นรายการส่งท้ายของวันนี้สะพานแห่งนี้สร้างข้ามสองฝั่งของแม่น้ำสายันเด-รูด โดยกษัตริย์ ซาห์อับบาสที่ 2 แห่งราชวงศ์ ซาฟาวิด เมื่อปี ค.ศ 1650  โครงสร้างตอนล่างเป็นหิน ส่วนตอนบนเป็นอิฐ มีพลับพลาที่ประทับสำหรับการเสด็จแปรพระราชฐานในบางเวลาของพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่กึ่งกลางบนชั้นที่สองของสะพาน นอกจากนั้นที่ฐานล่างสุดของตัวสะพานยังสามารถปิดช่องระบายน้ำได้ด้วยหากต้องการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในบางช่วงเวลา
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พัก ณ โรงแรม Safir Hotelระดับ 4 ดาว ในเมืองอิศฟาฮัน หรือระดับเทียบเท่า
วันศุกร์ ที่ 2  ธันวาคม 2559                       อิศฟาฮาน-หมู่บ้านอะบียาเน่ห์-คาชาน-สนามบิน
0700 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0800 น.
ออกเดินทางจากเมืองอิศฟาฮานมุ่งขึ้นเหนือสู่ “หมู่บ้านโบราณ” อยู่บนเทือกเขาซาร์โกรส ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณที่เรียกว่ายอดเขาคาคาสบนระดับความสูงเกือบ 2,000เมตร นั่นก็คือ “หมู่บ้านอะบียาเนห์.(Abyaneh Village) หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองอิศฟาฮานประมาณ 2.45 ชั่วโมง โดยทางรถยนต์แต่ยังอยู่ในเขตจังหวัดอิศฟาฮานเมื่อถึงแล้วให้ท่าน ได้ชื่นชมความงามของหมู่บ้าน ซึ่งเชื่อว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปีเศษ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามและมีอากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน ชาวบ้านที่นี่แต่งกายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและเชื่อว่าเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายมาจากพวกอีลาไมท์  ในอาณาจักรอีแลมซึ่งเก่าแก่ราวๆ สามพันปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันคนเหล่านี้คือชาวอิหร่านตามกฎหมายและนับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับชาวอิหร่านทั่วไป  หลังจากเที่ยวชมหมู่บ้านอะบียาเน่ห์ จนได้เวลาอันสมควรแล้ว นำเดินทางสู่เมืองคาชาน ซึ่งอยู่ถัดไปทางตอนเหนือประมาณ 1.30 ชั่วโมง
เที่ยง
รับประทานอาหาร กลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองคาชาน
บ่าย
หลังอาหารนำท่านชมเมืองคาชาน  เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่ประมาณ 4,000ปี ก่อนคริสตกาลตัวเมืองที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 11-13 สมัยที่พวกเซลจุกมีอำนาจปกครองเหนือ อาณาจักร เปอร์เซีย (ประมาณ ปี 1051-1220 ) และเริ่มมี      ชื่อเสียงทางด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ และการทอผ้า ทอพรม ต่อมาในยุคการปกครองของราชวงศ์ ซาฟาวิด ที่การค้าขยายตัวเป็นอย่างมากนั้นก็ยิ่งทำให้เมืองคาชานเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นไปอีก นำท่านเที่ยวชมชมคฤหาสน์เศรษฐี ชื่อ Borujerdi Ancient Houseที่มีมาตั้งแต่ยุคที่เมืองคาชานเคยรุ่งเรืองบนเส้นทางการค้าในอดีตสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย(ศตวรรษที่ 16-18) เป็นยุคการค้ารุ่งเรืองสูงสุด และเมืองคาชานก็เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งยุคที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง มีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย คฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนยุคปัจจุบันให้ได้ย้อนรอยระลึกถึง  จากนั้นเดินทางสู่ท่าอากาศยาน “Imam Khomenie International Airport” ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาชานขึ้นไปทางเหนือ ประมาณ 2.30 ชั่วโมง
1800 น.
รับประทานอาหารจานด่วน (ไก่ทอดและเฟร้นฟรายด์) ในอาคารผู้โดยสารก่อนการเช็คอิน
2110 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสารการบินมาฮานแอร์เที่ยวบินที่ W5- 051(ใช้เวลาบินตรงประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที)
วันเสาร์ ที่ 3 ธันวาคม 2559                                        กรุงเทพฯ                                                          
0715 น.
เที่ยวบิน  W5-051นำท่านเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพและประทับใจ

 

คำแนะนำ : สุภาพสตรี กรุณาเตรียมเสื้อแขนยาวที่มีความยาวคลุมสะโพก ควรเป็นเสื้อแบบหลวมๆ ที่ไม่เน้นสรีระ และเตรียมผ้าคลุมศีรษะ
ไปด้วย ปัจจุบันสายการบินไม่มีนโยบายแจกผ้าคลุมผมบนเครื่องบิน ลักษณะผ้าคลุมผมที่เตรียมไปอาจเป็นผืนยาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือ
สี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบผ้าพันคอที่สามารถพับเป็นสามเหลี่ยมสุภาพบุรุษ ใส่ชุดสุภาพ (ห้ามใส่กางเกงขาสั้น กางเกงสามส่วนหรือกางเกงชาวเล)